้
|

|
|
การคมนาคม
เส้นทางคมนาคมที่สะดวกที่สุดของไทยแต่เดิม คือ การคมนามคมทางน้ำโดยเรือชนิดต่างๆ ส่วนเส้นทางคมนาคมทางบกเป็นถนนแคบขรุขระ ใช้เกวียน ช้าง ม้า เป็นพาหนะ ซึ่งใช้เวลานานกว่าการเดินทางน้ำ การเดินทางส่วนใหญ่จึงใช้เวลานาน
 |
การปฏิรูปการคมนาคมในรัชสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสาเหตุหลายประการ ทั้งเพื่อให้เกิดความเจริญ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และทำให้การปกครองหัวเมืองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตก รวมทั้งเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย การพัฒนาส้นทางคมนาคมโดยเฉพาะเส้นทางรถไฟ นอกจากเพื่อพัฒนาให้บ้านเมืองเจริญขึ้นแล้วยังมีปัญหาอื่นที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนสร้างด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและบุคคลหลายฝ่ายต่างก็มีความเห็นว่า ไทยควรคิดทำด้วยทุนและความอุตสาหะของไทยเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงแต่งตั้งให้เซอร์แอนดรูว์ (Sir Andrew Clarke) และบริษัทชาร์ดแมกตักการ์ดโลเทอร์ (Messre Punchaed, MacTaggart, Lowther Co.) ทำการสำรวจรถไฟสายเหนือและสายอีสาน ในพุทธศักราช ๒๔๓๐ สามปีต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตัดสินพระทัยสร้างเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ - นครราชสีมา เป็นสายแรก ด้วยเหตุผลสำคัญด้านการเมือง เพราะขณะนั้นฝรั่งเศสกำลังขยายอิทธิพลเข้าไปในดินแดนลาวซึ่งขณะนั้นเป็นประเทศราชของไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ตั้งกรมรถไฟขึ้น เมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๓ และเริ่มการก่อสร้างในวันที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๔ สามปีต่อมาทางรถไฟช่วงแรกระหว่างกรุงเทพฯ - อยุธยา ระยะทาง ๗๑ กิโลเมตรก็แล้วเสร็จ ทรงประกอบพิธีการเดินรถเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๓๙ และเมื่อทางรถไฟสายกรุงเทพฯ - นครราชสีมาแล้วเสร็จ ทำให้การเดินทางใช้เวลาน้อยลง ค่าใช่จ่ายลดลง อันตรายลดลง ทางรถไฟอื่นๆที่มีการก่อสร้างและเปิดการเดินรถในรัชสมันนี้มีดังนี้ สายเหนือ บ้านภาชี - ลพบุรี - ปากน้ำโพ - พิษณุโลก - บ้านดารา (พิชัย) เริ่มสร้างตั้งแต่เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๔๐ และเปิดการเดินรถเป็นระยะๆจนถึงปลายทางในเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๕๐ สายใต้ คือ บางกอกน้อย (ธนบุรี) - เพชรบุรี พุทธศักราช ๒๔๔๒ เปิดเดินรถเมื่อ พุทธศักราช ๒๔๔๖ สายตะวันออก คือ กรุงเทพฯ - ฉะเชิงเทรา เริ่มสร้างเมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๘ เปิดเดินรถเมื่อ พ.ศ ๒๔๕๐
นอกจากนี้ยังมีทางรถไฟของเอกชนด้วย โดยเอกชนชาวต่างชาติขอสร้างสัมปทาน สายแรก คือ สายกรุงเทพฯ - สมุทรปราการ ซึ่งบริษัทเดนมาร์กเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔ เปิดเดินรถเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ซึ่งถือเป็นรถไฟสายแรกของทั้งเอกชนและราชการ เพราะเปิดการเดินรถก่อนรถไฟหลวง ๓ ปี
 |
การสร้างรถไฟในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้จะยังไม่แล้วเสร็จตามโครงการ แต่เส้นทางที่เปิดใช้ทำให้การเดินทางมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และประหยัดกว่าการเดินทางแบบเดิม และทำให้เกิดผลทั้งด้านการปกครอง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมตามมา กล่าวคือทำให้อำนาจการปกครองของกรุงเทพฯสามารถขยายไปยังหัวเมืองได้มากขึ้น ใกล้ชิดขึ้น สร้างความมั่นคงทางการเมืองได้มากขึ้น และเศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น เพราะขนส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น
 |
การสร้างทางรถไฟยังดำเนินต่อไปในรัชสมัยต่อมา ที่สำคัญ คือ การสร้างทางรถไฟสายเหนือไปจนถึงเชียงใหม่ ทำให้การเดินทางใช้เวลาเพียงวันครึ่ง สายตะวันออกเฉียงเหนือ สร้างต่อไปถึงอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ทางใต้เชื่อมต่อถึงปีนังในมลายู ซึ่งเวลานั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ
นอกจากเส้นทางรถไฟแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงให้ความสนพระทัยต่อการสร้างถนนในหัวเมือง เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟด้วย แต่ประสบผลสำเร็จไม่มากนัก ส่วนในกรุงเทพฯก็มีการสร้างถนนหลายสาย มีทั้งถนนที่ทางราชการสร้างและเอกชนสร้าง เช่น ถนนสุรวงศ์ ถนนเดโช ถนนราชดำเนินนอก การสร้างสะพาน เช่น สะพานแผ่นพิภพลีลา สะพานที่มีคำนำหน้าว่า "เฉลิม" ต่างๆเพราะทรงอุทิศเงินเป็นพระราชกุศลฉลองพระชนมยุครบรอบแต่ละปี เช่น สะพานเฉลิมศรี ที่บางขุนพรหม สะพานเฉลิมพันธ์ ข้ามคลองสาทร สะพานเฉลิมโลก และสะพานเฉลิมหล้าข้ามคลองแสนแสบ
ในสมัยนี้นอกจากพาหนะแบบเดิม เช่น เรือแล้ว ได้มีพาหนะอื่นๆที่เกิดขึ้นพร้อมกับถนน คือ การใช้รถม้า รถลาก โดยมีชาวจีนเป็นผู้รับจ้างลาก รถรางซึ่งเป็นของบริษัทต่างชาติ รถจักรยาน ซึ่งเป็นที่นิยมของคนทั่วไป และรถยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะสำหรับเจ้านายและผู้มีฐานะเพราะมีราคาแพง
|
|
|
|
|