การนับแต้ม ในอดีตสมัยราชวงศ์ถังแห่งประเทศจีน ฮ่องเต้โปรดเกล้าให้มีการส่งเสริมการเล่นหมากล้อมอย่างแพร่หลาย จึงมีปัญญาชนจำนวนมากให้ความศึกษาหมากล้อมอย่างจริงจัง มีการคิดค้นพัฒนารูปแบบการเล่นจึงถึงกลับมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการนับคะแนนเพื่อให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น จนกลายเป็นวิธีนับคะแนนทั่วแพร่หลายและในสมัยแผ่นดินถังนี่เอง ที่หมากล้อมได้เริ่มแพร่หลายเข้าสู้ประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจึงเล่นหมากล้อมพร้อมกับใช้วิธีการนับคะแนนแบบสมัยราชวงศ์ถังมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน ส่วนประเทศจีนเองต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงกลับมานับคะแนนในรูปแบบเดิม
ในที่นี้จะกล่าวถึงการนับคะแนนแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
การนับคะแนนแบบญี่ปุ่น ต่างฝ่ายต่างต้องเก็บเชลยที่ตายไว้ และนำเชลยไปถมพื้นที่ฝ่ายตรงข้ามตอนนับคะแนนและนับเฉพาะจุดตัวว่างๆมากกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะ
ภาพแสดงพื้นที่ของหมากดำ ในที่นี้มีพื้นที่ 2ช่องเป็น2แต้ม
ภาพเปรียบเทียบพื้นที่ของหมากขาวและหมากดำ ในที่นี้หมากดำเป็นฝ่ายชนะ โดยมีพื้นที่ 3แต้มส่วนหมากดำมีพื้นที่2แต้ม
จากกรณีภาพด้านบนนี้หมากดำได้ 3แต้มหมากขาวได้
2 แต้มซึ่งนับจากจำนวนพื้นที่และหากมีหมากเชลยให้เรานำไปถมพื้นที่ของฝ่ายตรงข้างเพื่อให้คะแนนของฝ่ายตรงข้ามลดลง และผลจากกระดานภาพบนนั้นหลายคนคงเข้าใจว่าหมากดำเป็นฝ่ายชนะ แต่ความจริงนั้นมากขาวเป็นฝ่ายชนะ เพราะในการแข่งขันหมากขาวเป็นฝ่ายเดินทีหลังหมากดำเป็นการเสียเปรียบจึงมีการต่อแต้มให้มากขาว ห้าแต้มครึ่ง ก็จะกลายเป็นว่าหมากขาวได้ 7แต้มครึ่งมากดำได้ สามแต้ม หมากขาวจะชนะไป สี่แต้มครึ่ง
การถมพื้นที่
หากเรามีหมากเชลยหรือหมากที่เรากินฝ่ายตรงข้ามมา เมื่อจบเกมมีการนับแต้ม เราจะนำหมากไปถมพื้นที่ของฝ่ายตรงข้าม เช่นเราถือหมากดำ กินหมาก ขาวมา2เม็ด จบเกมเราจะนำไปถมพื้นที่หมากขาวดังภาพ ทำให้หมากขาว
มีพื้นที่เป็นศูนย์คะแนน
ภาพก่อนการถมพื้นที่หมากดำมี 6 แต้ม หมากขาวมี 2แต้ม+5แต้มครึ่งเป็นเจ็ดแต้มครึ่ง
ภาพหลังการถมพื้นที่ เมื่อหมากดำกินหมากขาวมา 2 เม็ดก็จะนำไปถมพื้นที่มากขาวซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 แต้มบนกระดาน
ทำให้หมากขาวมีแต้มบนกระดานเป็นศูนย์
สรุปการนับแต้มหลังการถมพื้นที่แล้วหมากดำมี พื้นที่ว่างหก แต้มหมากขาวมีพื้นที่ว่าง ศูนย์แต่บวกแต้มต่อ ห้าแต้มครึ่ง ทำให้หมากขาวมี ห้าแต้มครึ่ง ผลสรุปหมากดำชนะไป ครึ่งแต้มคือ หกแต้มต่อห้าแต้มครึ่ง
|