|
|
 |
ประวัติความเป็นมาของการละเล่นของเด็กไทย การละเล่นของเด็กไทยนั้นมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ก่อนประวัติศาสตร์แล้ว กล่าวคือ เมื่อมนุษย์รู้จักเอาดินมาปั้นเป็นภาชนะสิ่งของเครื่องใช้ในครั้งแรกแล้วจึงเจริญพัฒนามาเป็นลำดับ เด็กๆเห็นผู้ใหญ่ทำก็เลียนแบบนำดินมาปั้นเล่นบ้าง ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงก็กล่าวถึงคนในสมัยนั้นว่าอยู่เย็นเป็นสุข อยากเล่นก็เล่น ดังที่กล่าวไว้ว่า ใครจักเล่น เล่นใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน แต่ไม่มีรายละเอียดกล่าวไว้ว่าคนสมัยนั้นมีการเล่นอะไรบ้าง ในสมัยอยุธยาได้กล่าวถึงการละเล่นบางอย่างไว้ในบทละครครั้งกรุงเก่า เรื่องนางมโนห์รา ซึ่งเรื่องนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า แต่งก่อนสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ การละเล่นที่ปรากฏในบทละครเรื่องนี้ คือ ลิงชิงหลักและการเล่นปลาลงอวน ดังบทที่กล่าว เมื่อนั้นโฉมนวลพระพี่ศรีจุลาว่าเจ้าโฉมตรูมโนห์รา มาเรามาเล่นกันให้สนุกจริงจริง มาเราจะวิ่งลิงชิงเสา ข้างโน้มนะเจ้าเป็นแดนพี่ ข้างนี้เป็นแดนเจ้านี้ เล่นลิงชิงเสาเหมือนกันถ้าใครวิ่งเร็วไปข้างหน้า ถ้าใคร่วิ่งไปข้างหลังนั้น เอาบัวเป็นเสาเข้าชิงกัน ขยิกไล่ผายผันกันไปมาเมื่อนั้น โฉมนวลพระศรีจุฬา บอกเจ้าโฉมตรูมโนห์รามาเราจะเล่นปลาลงอวน บังผุดสุดท้องน้องเป็นปลา ลอยล่องท่องมาเจ้าหน้านวล จะขึงมือกันไว้เป็นสายอวน ดักท่าหน้านวลเจ้าล่องมา ออกหน้าที่ใครจับได้
 |
คุมตัเอาไว้ว่าได้ปลา วรรณคดีสมัยรัตนโกสินทร์ก็ปรากฏชื่อการละเล่นหลายอย่าง เช่น ตระกร้อ จ้องเต ขี่ม้าส่งเมือง ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ก็กล่าวถึงการละเล่นบางอย่างไว้เช่น ไม่หึ่ง เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม่หึ่ง กับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิ ว่าแล้วซิอย่าให้หลงไปดิน
|
|
|
|