กรรมวิธีในการทอผ้า
ชาวโคกหม้อแต่บรรพบุรุษมี่ถิ่นกำเนิดและอพยพมาจากหลวงพระบาง ส่วนใหญ่จะมีเชื้อสาย"ลาวครั่ง" ที่เรียกว่า "ลาวครั่ง" ก็เพราะว่ามีอาชีพเลี้ยงครั่ง เพื่อนำสีที่ได้จากครั่งมาย้อมผ้าทอ ใช้กันเป็นเครื่องนุ่งห่ม ในเวลาที่ว่างเว้นจากฤดูการเก็บเกี่ยวจากบรรพบุรุษ โอนถ่ายศิลปวัฒนธรรมต่างๆ สู่ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน
ชาวโครกหม้อยังยึดถือศิลปวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมถือปฏิบัติกันเรื่อยมา เมื่อว่างเว้นจากฤดูเก็บเกี่ยว สตรีบ้านโคกหม้อก็จะทำการทอผ้าไว้ใช้ในครัวเรือน แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ต่อมาในปี 2516 ได้มีราษฎรผู้นำผ้าทอของชาวโคกหม้อขึ้นทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงสนพระทัยในลวดลายและความสวยงามที่แปลกและมีความเก่าแก่ จึงมีพระราชดำรัสให้หม่อมเจ้าดิษยพัฒน์มาดำเนินการส่งเสริมฟื้นฟูอนุรักษ์ให้มีการทอผ้าลายโบราณดังกล่าวไว้
ผ้าทอมือของชาวโคกหม้อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นฝีมือของชาวลาวครั่ง ผ้าแต่ละผืนชาวบ้านจะถักทอด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ เนื่องจากเป็นความเชื่อและความผูกพันกับธรรมชาติ ผู้ทอผ้าจะใส่จินตนาการเข้าไป ทำให้ผ้าทอแต่ละผืนมีลวดลายปราณีตสวยงาม จนได้รับรางวัลจากองค์กรณ์ระดับสากลและระดับประเทศมามากมาย
โดยในชว่วงนั้นได้มีหน่วยงามของสำนักงานพัฒนาชุมชนเข้าไปสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการรวมกลุมสมาชิกสตรีทอผ้า โดยจัดตั้งกลุ่มตังแต่วันที่ 5 มีนาคม 2516 ละมีสมาชิกครั้งแรก 15 คน มีนางทองล้วน ทองดาดาษ เป็นประธานกลุ่มและได้ดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันมีสมาชิก 50 คน มีเงินทุน 47,000 บาท
การดำเนินการของกลุ่มทอผ้า
การสมัครเป็นสมาชิกลุ่มทอผ้าจะได้รับรองจากกรรมการหมู่บ้านและสมาชิกทอผ้าเก่าอย่างน้อย 2 คน โดยจะต้องเสียค่าสมัครเข้าคนละ 20 บาท ค่าลงหุ้น 50 บาท
เงินทุนของกลุ่มคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาให้สมาชิกกู้ยืมตามความจำเป็น 3 กรณี คือ
1. กู้เพื่องานทอผ้า
2. กู้เพื่อประกอบอาชีพ
3. กู้เพื่อการรักษาพยาบาลครั้งละไม่เกิน 500 บาท
เครื่องมือในการทอผ้า การทอผ้าเป็นการนำเอาวัสดุจำพวกฝ้าย ไหม มาทอเป็นผืนผ้า ผ้าที่ได้ทอมาใช้นั้นเป็นประเภท ผ้าพื้น ผ้ายกดอก เป็นส่วนใหญ่ มีความสวยงามที่แสดงถึงศิลปะในท้องถิ่น เช่น ผ้ายก ผ้าตีนจก และผ้ามัดหมี่ เป็นต้น
เครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้านั้น เป็นเครื่องมือที่ชาวบ้านได้คิดประดิษฐ์สืบต่อกันมานานจากอดีตและยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการปรับปรุงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกโดยนำเทคนิคใหม่ๆมาประกอบใช้เพื่อทำงานสะดวกขึ้นเครื่งมือที่ใช้ในปัจจุบันมีดังนี้
1. เผือ คือเครื่องมือขึ้นเครือ
2. หลาปั่นฝ้ายหรือหลอดกรอฝ้าย
3. หวีพันกระดาษ คือการเก็บตระกรอ
4. ฟันฟืนหรือฟันหวี
5. กี่มี 2 แบบคือ กี่พื้นเมือง กี่กระตุก
6. กระสวย
7. หลอดด้าย
กรรมวิธีในการทอ
การทอผ้าของชาวบ้านโคกหม้อแต่ก่อนจะใช้วัตุดิบที่มีในหมู่บ้าน เช่น มีการปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเอง แต่เนื่องจากในปัจจุบันสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การเพาะปลูกไม่ค่อยได้ผลชาวบ้านจึงไม่นิยมทำเองแต่จะใช้วิธีการหาซื้อเส้นไหมที่มีคุณภาพมาย้อมสีเอง การใช้สีในการย้อมเดิมเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติคุณภาพของสีที่ได้ไม่สม่ำเสมอ สีตกง่าย ในปัจจุบันจึงหันมาใช้สีเคมีในการย้อมผ้าทอโคกหม้อแบบดั้งเดิม นิยมใช้สีแดงเป็นหลัก ในปัจจุบันมีการผลิตออกมาหลากหลายสีตามต้องการของตลาด ส่วนลวดลายในการทอนั้นยังคงรักษาเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน ซึ่งมีความสวยงาม เด่น สะดุดตา
การผลิตผ้าทอของหมู่บ้านโคกหม้อดั้งเดิมเป็นการผลิตเพื่อไว้ใช้สอยในครอบครัวในช่วงฤดูหรือพิธีกรรมต่างๆ ทุกครอบครัวจะมีกี่ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้า บุตรหลานเป็นผู้หญิงจะได้รับการสั่งสอนให้ทอผ้าเป็นตั้งแต่เด็กๆ ในปัจจุบันการผลิตจะมีการรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มทอผ้า เพื่อผลิตและจำหน่ายเป็นสินค้าที่สำคัญและสร้างชื่อเสียงให้กับหมู่บ้าน มิได้ผลิตใช้กันเองเหมือนแต่ก่อน ผ้าผืนหนึ่งใช้เวลาการผลิตโดยกรรมวิธีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นสุดท้ายใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ผ้าที่ทอได้มีทั้งที่เป็นมัดหมี่ทั้งผืน หมี่ตาหรือหมี่ที่ยกขิด เพื่อทำเป็นผ้าถุงหรือผ้าซิ่น
ปัจจุบันนิยมนำมาตัดเป็นเครื่องแต่งกายแบบต่างๆ ทั้งของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
Next
|