นุ่งสั้น รัดติ้ว
|
การแต่งกายของนิสิตนักศึกษาในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา นับวันจะยิ่งหด รัด สั้น และเปิดเผยมากยิ่งขึ้น นิสิตนักศึกษาหญิงโดยเฉพาะ ปี 2-3 50-60% จะสวมกระโปรงที่สะโพกต่ำลงมาผ่าข้าง สั้นคืบกว่าๆ เสื้อรัดรูปมีไซซ์ s ss sss จนโชว์สัดส่วนเกินขอบเขต ในขณะที่นิสิตนักศึกษาชายแต่งตัวตามสบาย กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบบ้าง ดูไม่ออกว่าเรียนอยู่สถาบันใด ผู้สอนเคยถามนิสิตหญิงที่แต่งตัวนุ่งสั้น รัดติ้ว ว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องแต่งตัวแบบนี้เวลานั่ง เดิน หรือออกมาทำกิจกรรมแทบทุกคนบอกว่าเป็นการแต่งตามกัน เป็นสังคมแฟชั่น ทำให้มั่นใจ ทั้งๆ ที่เวลานั่งกระโปรงแทบจะถอยร่นสูงจนโป๊ ต้องใช้มือ หนังสือ หรือกระเป๋ามาปิดตลอดเวลา ต้องสู้สายตาคนมองรอบข้างที่แฝงความหื่น และแสดงอาการลวนลามทางเพศทางสายตา (Sexual Harresment) อยู่บ่อยครั้ง การลุกนั่งหรือเดินต้องระมัดระวังทุกวินาที อย่างไรก็ตาม การแต่งกายของนิสิตนักศึกษาในทุกสถาบันกลับแรงขึ้น สั้น รัด จนแทบบอกไม่ได้ว่าเป็นชุดนิสิตนักศึกษาหรือแฟชั่นของค่ายใด นิสิตนักศึกษา ปัญญาชนไม่สามารถแยกแยะได้ว่านี่คือชุดที่ใส่ไปศึกษาในสถาบันการศึกษาหรือนี่คือชุดแฟชั่นที่โชว์สรีระ
เรานำ 2 เรื่องมาอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่คนละความหมายและต้องใช้ให้ถูกต้องกับสถานที่ วันเวลาที่เหมาะสม แทบทุกสถาบันมหาวิทยาลัยปล่อยปละละเลย เข้มงวดเป็นครั้งคราวจนสุดท้ายวัฒนธรรมนุ่งสั้นรัดติ้วกลายเป็นวิถีชีวิตประจำวันที่ยอมรับ แข่งขัน และเปิดเผยหนักขึ้นทุกวัน
กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน กำลังจะผลักดันการแต่งกายเป็นโป๊โชว์สรีระ ใส่กระโปรงสั้นให้เป็น "วาระแห่งชาติ" นำดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์การแต่งกายให้ถูกระเบียบ ทำเอกสารสื่อสิ่งพิมพ์เผยแพร่ การปรับเปลี่ยนทัศนคติและปลูกจิตสำนึกใหม่ และอื่นๆ ในหลักการผู้เขียนค่อนข้างเห็นด้วยและสนับสนุนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่อยากเห็นเรื่องการเน้นระเบียบการแต่งกายเป็นนโยบายเฉพาะกิจ ทำแบบไฟไหม้ฟาง รัฐบาลหมดอายุสิ้นปีนี้ เลือกตั้งใหม่ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่กันอีก
|
ข้อเสนอแนะต่อไปนี้น่าจะช่วยให้หลักการเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนบรรลุผลสำเร็จได้
1.การจัดประชุมเรื่องนุ่งสั้นรัดติ้วให้เป็นวาระแห่งชาติต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ เรื่องนี้อาจล้มเลิกหรือหมดความสำคัญทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ การยึดหลักการร่วมกันของมหาวิทยาลัยทุกแห่งที่เอาจริงเอาจังทุกปีการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มิใช่ทำเพียงไม่กี่สถาบัน ทำบ้างไม่ทำบ้าง อธิการบดีทุกแห่งต้องเน้นเรื่องวินัยในการแต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสม ขอความร่วมมือกับผู้ปกครองให้เอาใจใส่การซื้อเครื่องแบบให้ถูกระเบียบ ปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการ ร้านขายเสื้อผ้าให้ตัดแต่งแต่พองาม สวมใส่สบายและไม่ทำให้เกิดการเสี่ยงอันตรายที่จะตามมา มีการปฐมนิเทศ พูดคุยให้ข้อมูลข้อเสนอแนะแก่นิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เตรียมการในเทอมปลายให้ข้อคิดแก่นิสิตนักศึกษาที่จะขึ้นชั้นปีที่ 2 แต่เนิ่นๆ มิใช่มามีนโยบายและรณรงค์เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดแล้ว นิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ 2-3 เสียเงินตัดซื้อชุดนุ่งสั้นรัดติ้วเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ทิ้งไม่ได้ต้องใส่มาทุกวัน
2.การรณรงค์ใช้ดารานักร้องมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่นิสิตนักศึกษาไม่น่าจะถูกต้องและเป็นการดูแคลนความคิดความอ่าน การคิดด้วยตนเองได้ของนิสิตนักศึกษา ผู้เขียนเชื่อว่านิสิตนักศึกษามีพลังปัญญาคิดด้วยตนเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ค่านิยม ความมีอิทธิพล หรือความเด่นดังป๊อปปูล่าร์มาชี้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงค่านิยมนี้ ขอเพียงแต่เราได้มีการนำประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาถกเถียง อภิปราย แสดงความคิดเห็นในชั้นเรียนและกิจกรรมต่างๆ บทบาทของนิสิตนักศึกษาจำเป็นต้องชี้นำ ใช้ปัญญาสร้างสรรค์ตัวเองและสังคมมากกว่านี้และน่าจะเป็นตัวอย่างให้แก่ดาราและนักร้องที่แต่งตัวโป๊เปลือยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป
3.การให้ข้อมูลข่าวสาร วิธีการนำเสนอที่ถูกต้อง ทุกครั้งที่มีการหยิบยกเรื่องการแต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสม มักจะมีกลุ่มผู้เห็นแตกต่างแย้งว่าเป็นการละเมิดสิทธิบุคคล การแต่งกายมิได้แสดงถึงความโง่ฉลาด ใครให้ความสำคัญเรื่องนี้มักเป็นพวกอนุรักษ์นิยมเต่าล้านปี จริงๆ แล้วผู้เขียนเห็นด้วยไม่น้อยในสังคมที่มีสิทธิเสรีภาพควบคู่กับการมีจิตอาสาและจิตสาธารณะเพื่อผู้อื่นในข้อเท็จจริงเสรีภาพในมหาวิทยาลัยปัจจุบันมากับความสบายไร้ระเบียบ ตามใจตนเองเสียมากกว่า ชุดนิสิตนักศึกษาเป็นระเบียบกฎเกณฑ์ กติการในสังคมอยู่ร่วมกันถ้าต้องการสิทธิส่วนบุคคลแต่งกายนุ่งสั้น รัดรูปให้เป็นเรื่องวันหยุด ไปเที่ยวเดินศูนย์การค้า เดินกับกลุ่มเพื่อน แต่งแฟชั่นตามยุคสมัย เป็นต้น การให้ข้อมูลข่าวสาร การพบปะพูดคุย ปรึกษาหารือ การมีกิจกรรมร่วมกันย่อมดีกว่าการบังคับ ลงโทษ และการจ้องจับผิดตลอดเวลาฃการนุ่งสั้น รัดติ้ว แต่งตัวตามสบายเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ขอเพียงทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง มีนโยบายชัดเจนต่อเนื่อง มีการเตรียมการอย่างดี เกิดความร่วมมือประสานสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับสถาบันให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ข้อสำคัญต้องค่อยๆ เปลี่ยนค่านิยมนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป รอบคอบ จัดการเรื่องวินัยกับสิทธิส่วนบุคคลให้สมดุลยอมรับได้ นิสิตนักศึกษาของเราจะได้กลับมาทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์มากกว่าการมีค่านิยมเทียมนุ่งสั้น รัดติ้วที่ตามกันจนน่าเป็นห่วงยิ่ง
|