1.ไฟลัมชิโซไมโคไฟตา (Phylum Schizomycophyta)
ได้แก่ สิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่า แบคทีเรีย
มีลักษณะสำคัญดังนี้
1. ขนาดแบคทีเรียมีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 1-5 ไมโครเมตร
2. รูปร่างของแบคที่เรียมี 3 ลักษณะคือ
2.1 พวกรูปร่างกลมเรียกว่า คอกคัส(Coccus) ซึ่งอาจเป็นทรงรูปไข่ กลมแบน หรือยาวรี เมื่อแบ่งตัวเซลล์ที่ได้ใหม่ยังคงติดกับเซลล์เก่า
2.2 พวกรูปร่างแท่งรียาวเรียกว่า บาซิลัส (Bacillus) บางชนิดอาจมีรูปร่างเป็นแท่งสั้นๆปลายมนเรียกว่า พวกคอกโคบาซิลัส (Coccobacillus) เช่น เชื้อโครแอนแท็รกซ์(Bacillus anthrasis)
2.3 รูปร่างเกลียวเรียกว่า สไปริลลัม(Spirillum) เช่นเชื้อโรคซิฟิลิส(Treponima palidum)
3. ผนังเซลล์(Cell wall) ของแบคทีเรียเป็นสารที่เรียกว่า เพปทิโดไกลแคน (Peptidoglycan) ซึ่งมีลักษณะเหมือนตาข่าย โดยการเกาะกันของพอลิแซคาไรด์ที่เรียกว่า เอ็นแอซิติลกลูโคซามีน(N-acetyglucosamine) และเอ็นแอซิติมูรามิกแอซิด (N-acetylmuramic acid) ซึ่งเป็นส่วน ของคาร์โบไฮเดรตกับกรดอะมิโน จึงเรียกว่า เพปทิโดไกลแคน
4. เยื่อหุ้มเซลล์(Cell membrane) เป็นสารพวก ฟอสฟอลิพิด(Phospholipid) และโปรตีนทำหน้าที่ในการคัดเลือกสารเข้าออกเซลล์
5. ไรโบโซม(Ribosome) แบคทีเรียมีไรโบโซมซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างโปรตีนเป็นชนิด 70s ไรโบโซมซึ่งมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบประมาณ 40% และRNA ประมาณ60%
6. แฟลเจลลา(Flagella) เป็นส่วนที่ยื่นออกจากเซลล์ที่ลักษณะคล้ายขนสั้นบ้างยาวบ้าง ทำหน้าที่โบกพัดทำให้เกิดการเคลื่อนที่ อาจมี 1เส้น 2 เส้นหรือหลายเส้นก็ได้ โดยทั่วไปทิศทางการเคลื่อนที่ของแบคทีเรียจะเคลื่อนที่ไปในทางเดียว
7. พิล(Pill) มีลักษณะคล้ายแฟลเจลลาแต่สั้นและบางกว่า พิไลประกอบด้วยโปรตีนพิลิน(Pilin) เรียงตัวต่อกันเป็นท่อทำหน้าที่เป็นทางผ่าน ของสารพันธุกรรม ขณะที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
8. สารพันธุกรรม (Genetic material) แบคทีเรียมีสารพันธุกรรมเป็น DNA สายคู่ที่ไม่มีโปรตีนฮิสโทนเกาะและมีลักษณะเป็นรูปวงแหวน (Circular DNA) เป็น DNA เปลือย(Naked DNA)
9. แคปซูล(Capsule) เป็นส่วนที่อยู่นอกเซลล์เป็นสารประกอบพวกพอลิแซคาไรด์และพอลิเพปไทด์ แคปซูลทำให้เกิดโรคได้หลายชนิด เช่น โรคปอดบวม โรคแอนแท็รกซ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ แบคทีเรียท่อต่อสภาพแวดล้อมและการทำลายเม็ดเลือดขาวได้ดีขึ้น
10. สปอร์(Spore) ของแบคทีเรียเรียกว่า เอนโดสปอร์(Endospore) จะสร้างเมื่อสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น ขาดแคลนอาหาร สปอร์ของแบคทีเรียจะทนทานต่อสภาพต่างๆได้ดี แบคทีเรียจะสร้างสปอร์ได้เพียง 1 สปอร์เท่านั้น จึงไม่ถือว่าเป็นการสืบพันธุ์ของแบคทีเรียแต่ถือว่า เป็นการดำรงชีพมากกว่า
2.ไฟลัมไซยาโนไฟตา (Phylum Cyanophyta)
ได้แก่ สิ่งมีชีวิตที่ เรียกว่า สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 150 จีนัส 1500 สปีชีส์ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำเค็ม ที่ชิ้นแชะ โดยเกาะอยู่กับวัตถุหรือก้อนหินที่อยู่ในน้ำ ในตำราสมัยใหม่อาจใช้คำว่า แบคที่เรียสีเขียวแกมน้ำเงินแทนคำว่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เนื่องจากมีเซลล์แบบโพรคาริโอต และมีผนังเซลล์เป็นพวกเพปทิโดไกลแคนเช่นเดียวกับเซลล์ของแบคที่เรีย จึงเชื่อว่ามีความสัมพันธ์มากกว่าสาหร่าย
1. เซลล์เป็นแบบโพรคาริโอต ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส
2. ภายในเซลล์ไม่มีเม็ดคลอโรพลาสต์ มีแต่คลอโรฟิลล์ เอ แคโรทีน (Carotine) แซนโทฟิลล์(Xanthophyll) ไฟโคอิริทริน(Phycoerythirin) ซึ่งเป็น สารสีแดง ไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) ซึ่งเป็นสารสีน้ำเงินจึงทำให้สาหร่ายชนิดนี้เป็นสีเขียวปนน้ำเงิน
3. ผนังเซลล์เป็นสารพวกเพปทิโดไกลแคน คือ มีพอลิแซคาไรด์เกาะอยู่กับเพปไทด์ ผนังเซลล์มักถูหุ้มด้วยเมือก ซึ่งมีลักษณะคล้ายวุ้นทำให้ลื่น
4. อาหารสะสมเป็นสารพวกคาร์โบไฮเดรต คือ ไกลโคเจน (Glycogen) และมีชื่อเฉพาะว่า ไซยาโนไฟเซียน สตาร์ช(Cyanophysean starch)
5. ไม่มีแฟลเจลลา จึงเคลื่อนที่ด้วยตัวเองไม่ได้
6. การสืบพันธุ์มีเฉพาะการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเท่านั้น ได้แก่ การแบ่งตัว การหักหรือขาด
7. สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินมีหลายชนิด เช่น
-พวกที่เป็นเซลล์เดี่ยวหรือกลุ่ม เช่น ครูโอคอคคัส(Chroococcus) แอนาซีสทีส(Anacystis)
|