ชื่อ : บวบเหลี่ยม
ชื่อสามัญ : Angled gourd
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa acutangula (Linn.) Roxb.
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อ : บวบงู
ชื่อสามัญ : Snake gourd
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Trichosanthes cucumerina Linn.
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อ : บวบหอม
ชื่อสามัญ : Sponge gourd
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa cylindrical (Linn.) M.J Roem
วงศ์ : CUCURBITACEAE
การปลูกและดูแล
ความแตกต่างระหว่างบวบด้วยกัน คือ บวบหอม ผลจะมีลักษณะกลม รี มีลายที่ผิว มีบางคนว่ารสอร่อยกว่าบวบเหลี่ยม ส่วนบวบเหลี่ยม ผลมีลักษณะหลายเหลี่ยม ผิวไม่มีลายและเปลือกแข็งแรงกว่า ส่วนบวบงู ผลจะเรียว ยาว เหมือนงู ผิวมีลายและสีเขียวเข้ม แต่เรื่องสีสันนี้บางทีก็เอาแน่เอานอนอะไรนักไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ดิน และภูมิอากาศในการปลูกด้วยเหมือนกัน
|
บวบพันธุ์ที่นิยมปลูกในเมืองไทยนั้น มักเป็นพันธุ์พื้นเมืองปลูกง่าย และเป็นพืชที่ทนทานต่อโรค แม้เมื่อต้นยังเล็กอาจมีแมลงมากัดกินบ้างแต่ก็น้อย อาจใช้สารสกัดจากสะเดาพ่นบ้างก็ได้ และเมื่อโตสักหน่อยก็เป็นพืชที่แมลงเมิน ไม่สนใจจะลงกินให้เสียเวลาดังนั้นบวบจึงเป็นพืชที่อาจเรียกได้ว่าปลอดสารพิษ เพราะแม้แต่เกษตรกรที่ปลูกเพื่อขายเป็นไร่ ๆ ก็มักไม่ใช้ยาฆ่าแมลงกับบวบ แล้วหากจะปลูกกินเองก็ยิ่งไม่ต้องใช้ ปลูกสบาย ๆ คอยให้ปุ๋ยบ้างก็พอ
บวบต้องการแสงแดดมาก ชอบดินที่เป็นกรดพอประมาณปลูกได้ทุกฤดูกาล แต่หน้าฝนจะดีที่สุดเพราะอากาศมีความชุ่มชื้นขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
การปลูกบวบแบบพอสังเขปมีดังนี้ หยอดเมล็ดพันธุ์ลงในหลุมซึ่งควรลึกประมาณ 2 4 เซนติเมตร หลุมละ 4 5 เมล็ดกลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยฟางเพื่อรักษาความชื้น รดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน ประมาณ 10 -15 วัน ต้นบวบน้อยก็จะค่อย ๆ งอกขึ้นมา เมื่อบวบน้อยของเราอายุสักราว 10 15 วัน ต้นก็จะโตพอที่เตรียมเลื้อยเหมือนเผ่าพันธุ์บวบที่เลื้อยกันมานานแสนนาน ระยะนี้จึงควรเตรียมค้างไว้ให้เลื้อยได้แล้ว หรือหากปลูกบวบเป็นพืชสวนครัวก็อาจปล่อยให้เลื้อยไปบนรั้วก็ได้ หากแปลงปลูกไม่มีพื้นที่มากพอที่จะทำค้าง แม้จะได้ชือว่าเป็นพืชที่อดทน แทนทั้งฝน ทนทั้งแล้ง แต่บวบก็ชอบความชุ่มชื้น อย่าปล่อยให้บวบต้องกระหายน้ำเป็นอันขาด มิฉะนั้นอาจส่งผลต่อการผลิดอกออกผล เช่น ไม่ติดผลหรือผลเล็ก มีข้อแนะนำว่าควรรดน้ำบวบที่โคนต้น ไม่ควรฉีดพ่นเพราะอาจทำให้มีราที่ใบ
หลังจากบวบน้อยกลายเป็นบวบใหญ่ให้ผลลูกแรกก็จะเก็บผลผลิตต่อไปได้อีกเป็นเดือนถึงสองเดือน จากนั้นเถาก็จะโรยราไป
ประโยชน์ของบวบ
ในบวบเหลี่ยมมีทั้งแร่ธาตุและวิตามินที่สำคัญคือ ฟอสฟอรัส แคลเซียมและวิตามินซี บวบเหลี่ยม ผลและเถานำมาเข้าตำรับยาแก้ลม บำรุงหัวใจใบต้มเป็นยาขับปัสสาวะ ใบนำมาตำพอกแก้พิษสัตว์กัดต่อย ผลบวบมีวิตามินหลายชนิด บำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน ดอกบวบนับเป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามน่ามองมากทีเดียว มีสีเหลืองนวลเย็นตา มักบานในช่วงเย็น ๆ เย็นย่ำ ถ้าอากาศดี คุณจะลองเปลี่ยนจากการชมดอกไม้ประดับ ในสวนหน้าบ้าน มาเป็นเดินชมดอกบวบตามค้างหรือซุ้ม บางทีคุณอาจเกิดความรู้สึกใหม่ เป็นความภาคภูมิใจที่ได้ปลูกผักที่มีทั้งดอกสวย ปลอดสารพิษ เปี่ยมประโยชน์ ไว้รับประทานเอง
ที่มา: http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/
|