เต่า
เต่า (อังกฤษ: Turtle) คือ สัตว์จำพวกหนึ่งในอันดับ Testudines จัดอยู่ในจำพวกสัตว์เลือดเย็น และเป็น สัตว์เลื้อยคลานด้วย ซึ่งเต่านั้นถือเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยเต่าจะมีกระดูกที่แข็งคลุมบริเวณหลังที่เรียกว่า "กระดอง" ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะสามารถหดหัว ขา และหางเข้าในกระดองเพื่อป้องกันตัวได้ แต่เต่าบางชนิดก็ไม่อาจจะทำได้ เต่าเป็นสัตว์ที่ไม่มีฟัน แต่มีริมฝีปากที่แข็งแรงและคม ใช้ขบกัดอาหารแทนฟัน
โดยมากแล้ว เต่า เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้ช้า อาศัยและใช้ช่วงชีวิตหนึ่งอยู่ในน้ำ ซึ่งมีอาศัยทั้งน้ำจืด และทะเล แต่เต่าบางชนิดก็ไม่ต้องอาศัยน้ำเลย เรียกว่า "เต่าบก" (Testudinidae) ซึ่งเต่าบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เต่ายักษ์กาลาปากอส (Geochelone nigra) ที่อาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะกาลาปากอส ในเอกวาดอร์ (มีทั้งหมด 15 ชนิดย่อย) ในขณะที่เต่าน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เต่าอัลลิเกเตอร์ (Macrochelys temminckii) อาศัยอยู่ตามหนองน้ำในทวีปอเมริกาเหนือ
ดูบทความหลักที่ เต่าทะเล
เป็นเต่าจำพวกหนึ่งที่ทั้งชีวิตอาศัยอยู่แต่ในทะเลเพียงอย่างเดียว จะขึ้นมาบนบกก็เพียงแค่วางไข่เท่านั้น โดยที่เท้าทั้งสี่ข้างพัฒนาให้เป็นอวัยวะคล้ายครีบ ซึ่งเต่าทะเลทั่วโลกปัจจุบันมีทั้งหมด 7 ชนิด ใน 2 วงศ์ 5 สกุล ได้แก่ เต่าหัวค้อน (Caretta caretta), เต่าตนุ (Chelonia mydas), เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea), เต่ากระ (Eretmochelys imbricata), เต่าตนุหลังแบน (Natator depressus), เต่าหญ้าแอตแลนติก (Lepidochelys kempii), เต่าหญ้า (Lepidochelys olivacea) โดยที่เต่ามะเฟืองเป็นเต่าทะเลและเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งในน่านน้ำไทยพบได้ถึง 5 ชนิด ไม่พบเพียง 2 ชนิดคือ เต่าตนุหลังแบน และ เต่าหญ้าแอตแลนติก
อาหารของเต่า
เต่า กินอาหารได้ทั้ง พืช และสัตว์ โดยเต่าบางชนิดก็จะกินแต่เฉพาะสัตว์ เช่น เต่าอัลลิเกเตอร์, เต่าสแนปปิ้ง (Chelydra serpentina) , เต่าปูลู (Platysternon megacephalum) เป็นต้น
เต่าจมูกหมู (Carettochelys insculpta)
ตะพาบ
ตะพาบ หรือ ตะพาบน้ำ (ภาษาอังกฤษ: Soft-shelled turtle) เป็นเต่าจำพวกหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Trionychidae ลักษณะโดยทั่วไปมีลำตัวแบน จมูกแหลม กระดองอ่อนนิ่ม มีกระดองหลังค่อนบ้างเรียบแบน กระดองมีลักษณะเป็นหนังที่ค่อนข้างแข็งเฉพาะในส่วนกลางกระดอง แต่บริเวณขอบจะมีลักษณะนิ่มแผ่นกระดองจะปราศจากแผ่นแข็งหรือรอยต่อ ซึ่งแตกต่างจากกระดองของเต่าอย่างสิ้นเชิง กระดองส่วนท้องหุ้มด้วยผิวหนังเรียบ มีส่วนที่เป็นกระดูกน้อยมาก กระดองจะมีรูปร่างกลมเมื่อ ยังมีขนาดเล็ก และจะรีขึ้นเล็กน้อยเมื่อโตเต็มวัยตั้งแต่คอส่วนบนไปจรดขอบกระดองจะมีตุ่ม แข็งเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ ส่วนหัวมีขนาดใหญ่ คอเรียวยาวและสามารถเอี้ยวกลับมาด้านข้าง ๆ ได้ มีจมูกค่อนข้างยาวแต่มีขนาดเล็กและส่วนปลายจมูกอ่อน ตามีขนาดเล็กโปนออกมาจากส่วนหัวอย่างเห็นได้ชัด มีฟัน ขากรรไกรแข็งแรงและคม มีหนังหุ้มกระดูกคล้ายริมฝีปาก ขาทั้งสี่แผ่กว้างที่นิ้วจะมีพังพืดเชือมติดต่อกันแบบใบพายอย่างสมบูรณ์ มีเล็บเพียง 3 นิ้ว และมีหางสั้น
|
มักอาศัยอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก โดยตะพาบสามารถกบดานอยู่ใต้น้ำได้นานกว่าเต่า แม้จะหายใจด้วยปอด แต่เมื่ออยู่ในน้ำ ตะพาบจะใช้อวัยวะพิเศษช่วยหายใจเหมือนปลา เรียกว่า rasculavpharyngcal capacity ตะพาบชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสวยที่สุดในโลกคือ ตะพาบม่านลายไทย (Chitra chitra) [1] ที่พบในแหล่งน้ำพรมแดนไทยกับพม่า แต่ก็มีเต่าอยู่ชนิดหนึ่งที่ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่แบ่งแยกชัดเจนว่าเป็นเต่าหรือตะพาบ คือ เต่าจมูกหมู (Carettochelys insculpta) หรือที่เรียกกันในวงการปลาสวยงามว่า เต่าบิน พบที่ทวีปออสเตรเลียตอนเหนือ ปาปัวนิวกินี
ตะพาบโดยมากแล้วจะมีนิสัยดุกว่าเต่า เป็นสัตว์ที่ชอบกินเนื้อมากกว่ากินพืช ในประเทศไทยพบได้ในหนองน้ำและแหล่งน้ำจืดทั่วประเทศ ภาษาอีสานเรียกว่า กริว, ปลาฝา หรือ จมูกหลอด เป็นต้น
เต่ากับมนุษย์
โดยปกติแล้ว มนุษย์จะไม่ใช้เนื้อเต่าหรือไข่เต่าเป็นอาหาร แต่ก็มีบางพื้นที่หรือคนบางกลุ่มที่นิยมบริโภคเนื้อเต่าหรือเนื้อตะพาบ โดยเชื่อว่าเป็นอาหารบำรุงกำลัง เช่น ตะพาบน้ำตุ๋นยาจีน เป็นต้น โดยความเชื่อทั่วไปแล้ว เต่า ถือเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน คนไทยจึงมีความเชื่อว่าหากได้ปล่อยเต่าจะเป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เชื่อต่อ อายุให้ยืนยาว ดังนั้น จึงมักเห็นเต่าหรือตะพาบตามแหล่งน้ำในวัดบางแห่งเสมอ ๆ ในประเทศจีน หลักฐานทางโบราณคดี พบว่า สมัยราชวงศ์เซี่ยและราชวงศ์ซาง กระดองเต่า ถูกใช้เป็นเครื่องทำนายทางโหราศาสตร์ ในทางไสยศาสตร์ของไทย มีการใช้เต่าเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ยันต์เต่าเลือน เป็นต้น
เต่า ในทางภาษาศาสตร์ของไทย ยังใช้เป็นพยัญชนะลำดับที่ ๒๑ โดยมักใช้เป็นตัวสะกด คือ ต.เต่า โดยเป็นตัวอักษรเสียงกลาง นอกจากนี้แล้ว เต่า ยังเป็นตัวแทนของความเชื่องช้า โง่งม จึงมีสำนวนทางภาษาในนัยเช่นนี้ เช่น โง่เง่าเต่าตุ่น เป็นต้น
เต่าที่พบในประเทศไทย
เต่าปูลู (Platysternon megacephalum)
(เฉพาะเต่าบกและเต่าน้ำจืด)
* เต่ากระอาน (Batagur baska)
* เต่าลายตีนเป็ด (Callagur borneoensis)
* เต่าหับ (Cuora amboinensis) (มี 4 ชนิดย่อย)
* เต่าห้วยเขาบรรทัด (Cyclemys artipons)
* เต่าใบไม้ (Cyclemys dentate)
* เต่าห้วยคอลาย (Cyclemys tcheponensis)
* เต่าหวาย (Heosemys grandis)
* เต่าจักร (Heosemys spinosa)
* เต่าบัว (Hieremys annandalei)
* เต่าเหลือง (Indotestudo elongata)
* เต่านา (Malayemys macrocephala)
* เต่านา (Malayemys subtrijuga)
* เต่าหก (Manouria emys) (มี 2 ชนิดย่อย)
* เต่าเดือย (Manouria impressa)
* เต่าปากเหลือง (Melanochelys trijuga)
* เต่าทับทิม (Notochelys platynota)
* เต่าปูลู (Platysternon megacephalum) (มี 3 ชนิดย่อย)
* เต่าจัน (Pyxidea mouhotii)
* เต่าดำ (Siebenrockiella crassicollis)
* เต่าแก้มแดง (Trachemys scripta elegans) (ไม่ใช่เต่าพื้นเมืองของไทย แต่เป็นของสหรัฐอเมริกา ถูกนำเข้ามาในฐานะเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม ปัจจุบันได้แพร่ขยายพันธุ์ในแหล่งน้ำจนกลายเป็นสัตว์ประจำถิ่นไปแล้ว)
ที่มาของภาพ
http://www.epofclinic.com/images/qwb_image2412255045619.jpg
http://www.bloggang.com/data/mindbechild/picture/1215517920.jpg
อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2
|