จำนวนของอะตอมไฮโดรเจนสามารถถูกกำหนดได้ ถ้าทราบจำนวนอะตอมคาร์บอน โดยใช้สมการ ดังต่อไปนี้ - อัลเคน: CnH2n+2 - อัลคีน: CnH2n (โดยมีพันธะคู่หนึ่งพันธะเท่านั้น) - อัลไคน์: CnH2n-2 (โดยมีพันธะคู่สามหนึ่งพันธะเท่านั้น) โดย n แทนจำนวนอะตอมของธาตุ เช่น CH4 เป็นอัลเคน ส่วน C2H4 เป็นอัลคีน ไฮโดรคาร์บอนสามารถทำงานได้ภายใต้กฎออกเตด (กล่าวคืออะตอมคาร์บอนจะต้องรับอะตอมไฮโดรเจนมา 4 อะตอม เพื่อให้เป็นไปตามกฎออกเตดที่ต้องมีอิเล็กตรอน 8 ตัว ซึ่งอะตอมไฮโดรเจนหนึ่งๆ จะมีอิเล็กตรอน 1 ตัว) ซึ่งถ้าไม่ได้เป็นไปตามกฎอ็อกเตดแล้ว จะทำให้ไฮโดรคาร์บอนเกิดความเฉื่อย การเรียกชื่อสารประกอบ การเรียกชื่อไฮโดรคาร์บอนแต่ละตัวจะเรียกตามจำนวนอะตอมคาร์บอน ตามด้วยคำลงท้ายเสียงของชนิดไฮโดรคาร์บอน เช่น CH4 เรียกว่ามีเทน (methane) เนื่องจากมีเทนมีจำนวนอะตอมคาร์บอนเพียงตัวเดียว และเป็นอัลเคนซึ่งเสียงลงท้ายเป็น เอน เหมือนกัน ตามเลขอะตอมคาร์บอน (ขึ้นต้น) - C1: มีท (Meth) - C2: อีท (Eth) - C3: โพร (Prop) - C4: บิว (Buth) - C5: เพนท์ (Pent) - C6: เฮกซ์ (Hex) - C7: เฮปท์ หรือ เซปท์ (Hept,/ Sept) - C8: ออกต์ (Oct) - C9: โนน (Non) - C10: เดค (Dec) ตามชนิดของไฮโดรคาร์บอน (ลงท้าย) - อัลเคน: เอน (-ane) - อัลคีน: อีน (-ene) - อัลไคน์: ไอน์ (-yne)