Ran khaa ya
     
 

เวลาที่ผ่านไปแต่ละปี ท่านอาจจะสะสมไขมันทีละน้อย จนท่านอาจไม่รู้ว่าตัวเองอ้วนหรือเปล่าหรือน้ำหนักเกินไป ลองถามตัวท่านเอง ดังนี้
1.ลองสวมเสื้อผ้าเก่าๆที่เคยสวมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถ้าสวมไม่ได้คับได้ แสดงว่าส่วนที่เกินมาเป็นไขมันแน่ๆ
2.ลองถอดเสื้อผ้า ส่องกระจกดู เห็นเนื้อส่วนใดเกิน เหลวเละนั่นแหละคือไขมัน
3.ลองจับความหนาของผิวหนังที่ต้นแขนด้านหลัง (ท้องแขน) ระหว่างกึ่งทางของหัวไหล่และข้อศอก ถ้าหนาเกิน 1 นิ้ว แสดงว่าท่านมีไขมันมากเกินไป
   นอกจากนี้ลองช่างน้ำหนักตัวของท่าน แล้วเปรียบเทียบน้ำหนักกับน้ำหนักอุดมคติ ซึ่งเปรียบเทียบตามความสูงของท่าน โดยใช้สูตรความสูง (วัดเป็นเซนติเมตร) หักออกด้วย 105 คือน้ำหนักอุดมคติ เช่น ท่านสูง 160 เซนติเมตร น้ำหนักอุดมคติของท่านคือ 160-105 = 55 กิโลกรัม ถ้าท่านมีน้ำหนัก 55 กิโลกรัม จะได้น้ำหนักตามอุดมคติ หรือควรอยู่ในช่วงบวกหรือลบด้วย-5คือ 50-60 กิโลกรัม ถ้าท่านมีน้ำหนักคาบเส้นพอดีที่ 55-60 กิโลกรัม ควรระมัดระวังน้ำหนักเกินไว้เป็นพิเศษ

วิธีชั่งน้ำหนักควรทำ ดังนี้

1.ชั่งน้ำหนักสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไม่ควรชั่งทุกวันหรือวันละหลายครั้ง เพราะน้ำหนักเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
2.ชั่งเป็นกิโลกรัมหรือปอนด์ โดยใช้มาตราเดียวกันและลองบันทึกไว้
3.ชั่งเวลาเดียวกัน เช่น ทุก 6.00 น. หรือทุก 22.00 น. เพื่อเปรียบเทียบกันได้อย่างแม่นตรงกว่า
4.เวลายืนบนตราชั่ง ยืนให้สมดุล ลำตัวตรง

การลดความอ้วน

   ในปัจจุบันนี้มีเทคนิคและสูตรลดความอ้วนกันมากมาย และพบว่าคนอ้วนมักจะลดน้ำหนักได้เก่ง แต่มักจะลดได้เพียงระยะหนึ่ง แล้วก็กลับไปอ้วนใหม่ เดี๋ยวลดเดี๋ยวเพิ่ม ลดถาวรไม่ค่อยได้ลองใช้ข้อเสนอแนะต่อไปนี้ ที่มีผู้แนะนำไว้
1.เวลาตัก ตักให้น้อยเพื่อจะได้ไม่มาเสียดาย ต้องกินจนหมด
2.ถ้าไปงานเลี้ยงบ่อยๆมักพบการคะยั้นคะยอให้กินเกินจำเป็นทางที่ดีควรบอกเจ้าภาพหรือควรฝืนไว้บ้างว่ากำลังลดความอ้วนโปรดร่วมมือ
3.อย่าระบายอารมณ์ด้วยการกิน ดื่มน้ำเย็นถ้าเครียด ให้อารมณ์ดีกว่าแล้วจึงกิน
4.ลดความอ้วนต้องมีความอดทนและสม่ำเสมอ กว่าจะเห็นผลต้องเลย 1 เดือนไป จึงต้องสร้างกำลังใจ ให้ค่อยเป็นค่อยไป
5.ออกกำลังกายที่พอเหมาะพอควรจะช่วยให้การลดดีขึ้น
6.ไม่ควรกินยาลดความอ้วนด้วยตนเอง แต่ควรเรียนรู้เรื่องแคลอรีเรื่องอาหาร

    ถ้าท่านมีปัญหาด้านจิตใจ หงุดหงิด วิตกกังวล มีอาการของระบบประสาท ควรรักษาสุขภาพจิตให้ดีเสียก่อนจึงค่อยคิดลดน้ำหนัก มิฉะนั้น ท่านจะเผชิญปัญหาทั้ง 2 ทาง คนจะลดน้ำหนักได้ต้องมีสุขภาพจิตดี มีกำลังใจ ทีระเบียบวินัย ท่านพร้อมหรือยังที่จะลดความอ้วนอย่างถาวร
ลองใช้สัญญาณจราจรเพื่อคุมน้ำหนักก่อนจะรับประทานอาหารใดๆควรเปรียบเทียบอาหารเหล่านั้น เหมือนไฟจราจร คือ สีแดง เป็นอาหารที่มีแคลอรีสูง สีเหลืองมีแคลอรีปานกลาง สีเขียวมีแคลอรีต่ำ สิ่งสำคัญในการกินที่ต้องคิดเสมอ คือ ต้องคิดว่าจะกินอะไร อาหารนั้นเป็นอาหารอยู่ในกลุ่มสีแดง เหลือง หรือเขียว

                

ถ้าเป็นกลุ่มสีแดง –หยุดแล้วคิด

น้ำตาล ขนมหวาน ช็อกโกแลต เค้ก พาย คุกกี้ น้ำผึ้ง แยม ผลไม้แช่อิ่ม ครีม เนย มาการีน เนื้อติดมัน น้ำราดสลัด มายองเนส ถั่วอบเนย สุรา น้ำอัดลม ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
ถ้าเป็นกลุ่มสีเหลือง -ไปอย่างระมัดระวัง
นม ไข่ ตับ แฮมแผ่น ปลากระป๋องแช่ในน้ำมัน ชีส ถั่ว ขนมปัง ข้าว สปาเก็ตตี้ มักกะโรนี ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ซาลาเปา เหล้าไวน์ เบียร์
ถ้าเป็นกลุ่มสีเขียว –ไปได้ทันที
ผลไม้สด สลัด ผักใบเขียว ปลาไม่ติดมัน อาหารทะเล เนื้อไก่ หัวใจ นมเปรี้ยว ซุปแกงจืด ชา กาแฟ (สำหรับกาแฟระวังอย่างใส่น้ำตาลเกิน 1 ก้อน ครีมอย่างเกิน 1 ช้อนชา)


แหล่งอ้างอิง: จากหนังสือการสร้างเสริมสุขภาพคนยุคใหม่. ผู้แต่ง: ดร.จรวยพร ธรณินทร์
 
     
   
เว็บไซต์นี้ แสดงผลได้ดี บนความละเอียด 1024x768 Text Size Medium
วิชา การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจัดทำโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2555
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฌิม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
   
SITEMAP นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคืนสินค้า
กฎของร้าน