2. ข้อใดคือความหมายของสมุนไพร ก. พืชที่มีเมล็ด ไม่มีแก่และตายเมื่อสิ้นฤดูกาลเพาะปลูก ข. พืชที่ใช้ปรุงหรือทำเป็นยารักษาโรคหรือสงเสริมสุขภาพ ค. เครื่องเทศหรือผักที่ใช้แต่งรสหรือกลิ่นอาหาร ง. ยาที่ได้จากพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุ
3. ข้อใดคือความแตกต่างของคำว่าสมุนไพรกับยาสมุนไพร ก. สมุนไพรคือ วัตถุจำแนกพวกแร่ธาตุ สัตว์ ที่แปรสภาพแล้วพร้อมที่จะทำยา ส่วนยาสมุนไพรคือสิ่งที่ได้จากธรรมชาติจำพวกพืช แร่ธาตุ ที่ยังไม่ได้ผ่านการแปรรูป ข. สมุนไพรและยาสมุนไพรคือสิ่งมีชีวิตทุกชนิดสามารถนำมาต้มทำยาได้ ค. สมุนไพรและยาสมุนไพรเป็นความหมายเดียวกัน หมายถึงวัตถุ สัตว์ แร่ธาตุ ที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค ง. สมุนไพรคือสิ่งที่ได้จากธรรมชาติทั้งพืชและสัตว์ที่ยังไม่ได้ปรุงแต่งแปรสภาพ ส่วนยาสมุนไพรได้จากพืช สัตว์ แร่ธาตุที่ผสม ปรุง และแปรสภาพแล้ว
4. รสฝาดของสมุนไพรมีสรรพคุณอย่างไร ก. แก้ท้องเสีย ข. แก้อ่อนเพลีย ค. แก้ร้อนใน ง. แก้โรคผิวหนัง
5. ข้อใดเป็นการจำแนกพืชสมุนไพรตามหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ ก. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่ม ข. ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล ค. เป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย ง. ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจผลิต
6. ข้อใดคือประโยชน์ของพืชสมุนไพร ก. มีคุณภาพดีกว่ายาแผนปัจจุบัน ข. หาง่าย ประหยัด ราคาถูก ค. เลือกใช้ให้ถูกกับอาการของโรคได้ง่าย ง. เห็นผลในการรักษาอย่างรวดเร็ว
7. พืชสมุนไพรใดเป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้ ก. อ้อย ข. มะละกอ ค. ฝรั่ง ง. มังคุด
8. ถ้าต้องการให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย บำรุงกำลัง ควรเลือกรับประทานอาหารรสใด ก. รสหวาน ข. รสเผ็ด ค. รสเค็ม ง. รสเปรี้ยว
9. ข้อใดเป็นดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชมากที่สุด ก. ดินร่วนปนทราย ข. ดินเหนียว ค. ดินทราย ง. ดินร่วน
10. การนำสมุนไพรไปใช้ ผู้ใช้ต้องศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง ก. ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ข. ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ ค. ความรู้ด้านวิธีการใช้ยาสมุนไพร ง. ถูกทุกข้อ