Ran khaa ya
   
 
 

          ข้อควรระวังในการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม คือ
หากมีอาการของโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาเจียนมาก ต้องใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยอีก 7 วันหลังกินยาเม็ดแรก เช่น การใช่ถุงยางอนามัย เนื่องจากมีผลทำให้การดูดซึมยาไม่ดี หากลืมรับประทานยาร่วมกับมีการขาดระดู/ประจำเดือน 1 ครั้ง ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ หากแน่ใจว่าไม่ลืมรับประทานยา ให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่ได้ตามปกติ

ข้อดีของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

          
          ทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดปริมาณประจำเดือนมากผิดปกติได้ ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ช่วยลดอาการในกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน/พีเอ็มเอส (PMS, Premenstrual syndrome) ช่วยลด สิว ขนดก หน้ามัน และอาการในกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovarian syndrome) ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก (โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง) ช่วยลดอุบัติการณ์ ตั้งครรภ์นอกมดลูกในปัจจุบันยาเม็ดคุมกำเนิดมีหลายชนิด โดยชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดี คือยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ส่วนยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว ควรใช้ในสตรีที่ให้นมบุตร และสตรีที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรใช้เฉพาะเวลาฉุกเฉิน เนื่องจากมีผล ข้างเคียงมาก และอัตราการล้มเหลว (การตั้งครรภ์) สูง ยี่ห้อยาเม็ดคุมกำเนิดในท้องตลาดมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างในเรื่องของชนิดฮอร์โมน ปริมาณฮอร์โมน ผลข้างเคียงที่ดี เช่น การลดการเกิดสิว ผิวมัน ขนดก ลดอาการในกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ซึ่งผู้ที่ต้องการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ ตามกำลังการซื้อ และตามผลข้างเคียงที่ต้องการ โดยอาจปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนการเลือกยี่ห้อยาเม็ดคุมกำเนิด การเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ควรทดลองใช้ 1 แผงก่อน โดยทดลองรับ ประทาน และสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น เป็นฝ้า ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หากมีอาการข้างเคียงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยี่ห้อยาเม็ดคุมกำเนิดที่เป็นฮอร์โมนต่างชนิด หรือเพื่อลดปริมาณฮอร์โมนในตัวยา ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินในขนาดสูง มีผลป้องกัน หรือเลื่อนเวลาการตกไข่ ป้องกันการปฏิสนธิของไข่ และอสุจิ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะในการฝังตัวของตัวอ่อน มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในกรณีที่ถูกข่มขืน หรือลืมคุมกำเนิด หรือคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น การฉีกขาดของถุงยางอนามัย แต่เนื่องด้วยมีปริมาณของฮอร์โมนสูง ทำให้ไม่เหมาะสมในการใช้เป็นยาคุมกำเนิดทั่วไป เพราะมีผลข้างเคียงสูง (เช่น การมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ) มีอัตราการล้มเหลว/การตั้งครรภ์สูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยมีชื่อทางการค้าว่า Postinor? และ Madonna?การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อรับ ประทานยาทั้งหมดรวม 2 เม็ด โดย 1 เม็ดแรก รับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ทั้งนี้ไม่ควรเกิน 72-120 ชม.หลังมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นรับประทานยาอีก 1 เม็ดอีก 12 ชม.ถัดมา

ความคิดเห็น

          
          ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นวิธีคุมกำเนิดใช้แพร่หลายมากที่สุดทั่วโลก ยาคุมกำเนิดนั้น มีหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งส่วนมากที่นิยมใช้กัน คือ ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เพราะรับประทานง่าย มีผลข้างเคียงน้อย ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง ส่วนยาคุมฉุกเฉินนั้นไม่ควรที่จะรับประทานบ่อย เนื่องจากมีผลข้างเคียงมาก และมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์สูง แล้วยังมีวิธีรับประทานที่ยุ่งยากอีกด้วย
ทั้งนี้ ยาคุมกำเนิดชนิดต่างๆนั้น สามารช่วยในการคุมกำเนิดเท่านั้น มิได้ช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธุ์แต่อย่างใด จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีคู่นอนหลายคน เพราะอาจทำให้ติดโรคต่างๆทางเพศสัมพันธุ์ได้

ถุงยางอนามัย
          
          ถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิด ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในขณะร่วมเพศ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยมีทั้งแบบสำหรับผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่ฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายใช้โดยใช้ สวมครอบอวัยวะเพศชายที่กำลังแข็งตัวในขณะร่วมเพศ โดยเมื่อฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิแล้ว น้ำอสุจิจะถูกเก็บไว้ในถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น ซิฟิลิส หนองใน และ เอดส์ได้ด้วย ถุงยางอนามัยถูกนำมาใช้งานในรูปแบบอื่นๆมากมายเพราะคุณสมบัติที่ทนทาน กันน้ำ และยืดหยุ่นได้ดี โดยนำมาใช้ผลิตไมโครโฟนกันน้ำ เรื่อยไปจนใช้กันปืนไรเฟิลติดขัด ถุงยางอนามัยสมัยใหม่ส่วนมากผลิตจากยางพารา แต่ก็มีบ้างที่ผลิตจากวัสดุอื่น เช่น โพลียูรีเทน หรือลำไส้ของลูกแกะ ถุงยางอนามัยสำหรับสตรีมักจะผลิตจากโพลียูรีเทน ถุงยางอนามัยสำหรับชายเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ผลข้างเคียงน้อย และใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ถ้าใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% ต่อปี มีหลักฐานการใช้ถุงยางอนามัยครั้งแรกสุดในประวัติศาสตร์ อย่างน้อยเมื่อ 400 ปีที่แล้ว การใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกแง่มุมหนึ่งที่เป็นปัญหา เช่น การทิ้งถุงยางอนามัยอย่างไม่เหมาะสมทำให้เกิดปัญหาจากขยะและศาสนจักรโรมันคาทอลิกก็ต่อต้านการใช้ถุงยางอนามัยด้วย


ที่มา :http://www.siamhealth.net/public_html/mother_child/birth_control/pills.HTM

 

 
   
 
   
เว็บไซต์นี้ แสดงผลได้ดี บนความละเอียด 1024x768 Text Size Medium
วิชา การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจัดทำโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฌิม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
   
SITEMAP นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคืนสินค้า
กฎของร้าน