Ran khaa ya
ยาฉีดคุมกำเนิดแบบฉีดเป็นการคุมกำเนิดชั่วคราวโดยการฉีดฮอร์โมนเข้าไปในกล้ามเนื้อในระยะเวลาที่กำหนด เหมาะสำหญิงหญิงที่ลืมรับประทานยา หรือมีโรคความดันโลหิตสูง ยาฉีดคุมกำเนิดที่มีในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. ยามีฮอร์โมนชนิดเดียว เป็น ฮอร์โมน Progestin อย่างเดียว แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
ยา Medroxy progesterone ที่นิยมใช้มากที่สุด คือ Depo medroxy progeste rone acetate หรือคำย่อที่รู้จักกันดี คือ DMPA ขนาด 150 มิลลิกรัม จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 3 เดือน
ยา Norethisterone enanthate ขนาด 200 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทุก 2 เดือน
2. ยามีฮอร์โมนรวม คือ มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เละโปรเจสตินประกอบด้วยยา Estradiol cypionate 5 มิลลิกรัม และ Medroxyprogesterone acetate 25 มิลลิกรัม เป็นยาที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ไขข้อด้อยของยาฉีดที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 1 เดือน ซึ่งยากลุ่มนี้ทำให้มีประจำเดือนมาทุกเดือนจะต้องเริ่มฉีดยาภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนเหมือนยาคุมกำเนิดชนิดอื่นๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด เมื่อครบกำหนดฉีดยาแล้วแต่ประจำเดือนยังไม่มา ก็ต้องไปฉีดยาตรงตามที่แพทย์กำหนด ห้ามรอจนกว่าจะมีประจำเดือนมาแล้วค่อยไปฉีดยา อาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว แพทย์หรือพยาบาลจะฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ต้นแขน หรือ สะโพก หลังฉีดอาจมีอาการปวดตึงๆในบริเวณที่ฉีดยา ประมาณ 1 วัน แล้วจะหายไป ที่สำคัญ คือ หลังฉีดยาอย่าไปคลึงบริเวณที่ฉีดยาเพราะจะทำให้ยาถูกดูดซึมเร็วเกินไป ทำให้ระดับยาเหลือไม่สูงพอที่จะป้อง กันการตั้งครรภ์จนครบ 3 เดือนได้
ผลข้างเคียงของยาคุมชนิดฉีด
ผลข้างเคียงของยาฉีดคุมกำเนิดยามีฮอร์โมนชนิดเดียว ในกลุ่ม DMPA และ NET-EN หรือ Noriste rat คือ
* มีเลือดออกกะปริดกะปรอยจากโพรงมดลูก
* ไม่มีประจำเดือน หรือขาดประจำเดือน
* น้ำหนักตัวเพิ่ม
* ภาวะกระดูกบาง เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสตินจะไปยับยังการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนจากรังไข่ ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง มีผลทำให้มวลกระดูกลดลง ความหนาแน่นกระดูกลดลง (Bone mineral density) แต่พบว่าเป็นแบบชั่วคราว เมื่อหยุดฉีดยาคุม ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะกลับคืนมาเป็นปกติ
* มึนงง วิงเวียนศีรษะ
* อารมณ์เปลี่ยนแปลง
ความคิดเห็น
ยาคุมแบบฉีด มีผลข้างเคียงมาก แต่ก็มีผลดีสำหรับผู้ที่มักจะลืมทานยาเม็ดคุมกำเนิดและมีความดันโลหิตสูง เนื่องจากที่มีผลข้างเคียงมากวิธีการคุมกำเนิดแบบนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก
ยาคุมแบบฝัง
ยาฝังคุมกำเนิด หรือยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวชนิดหนึ่ง โดยการฝังฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำเป็นแท่งเล็กๆเข้าไปที่ใต้ผิวหนังใต้ท้องแขนด้านที่ไม่ถนัด ซึ่งฮอร์โมนนี้จะค่อยๆซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกาย และไปทำการยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ของสตรี ส่งผลทำให้ไม่มีการตกไข่ตามมา จึงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ยาฝังคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่สะดวกสบาย มีใช้มานานนับ 10 ปี ในระยะแรกจะเป็นฮอร์โมนที่บรรจุในแท่งพลาสติกเล็กๆจำนวน 6 แท่ง ขนาดแท่งละ 3.4 x 0.24 เซนติเมตร(ซม) เช่น ยา Norplant? สามารถใช้ได้คุมกำเนิดได้ 5 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สะดวกขึ้นเหลือเพียงชนิดแบบ 1 แท่ง (Implanon?) ขนาดแท่งละ 4.0 x 0.20 ซม. คุมกำเนิดได้ 3 ปี และแบบ 2 แท่ง (Jadelle?) ขนาดแท่งละ 4.3 x 0.25 ซม. คุมกำเนิดได้ 5 ปียาฝังคุมกำเนิด จะประกอบด้วย ฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสติน (Progestin,ฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์)) เพียงชนิดเดียว จึงไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เหมือนในยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม ในยาฝังคุมกำเนิดที่ชื่อ Implanon? จะเป็นฮอร์โมน Etonogestrel 68 มก. (มิลลิกรัม) แล้วค่อยๆปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 70-60 ไมโครกรัม ส่วน Jadelle? จะเป็นฮอร์โมน Levonorgestrel 75 มก. ปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 100-40 ไมโครกรัม (ระดับฮอร์โมนจะสูงในช่วงแรก และค่อยๆลดลงจนคงที่ในระยะเวลาต่อมา)กลไกการป้องกันการคุมกำเนิด คือ ฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาจากแท่งยาฝัง จะไปมีผลทำให้ฟองไข่ไม่พัฒนา จึงไม่สามารถโตต่อไปจนตกไข่ได้ ทำให้ไม่มีไข่ที่จะรอผสมกับเชื้ออสุจิ จึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ฮอร์โมนนี้ยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้เชื้ออสุจิว่ายผ่านเข้าไปได้ยาก จึงช่วยลดโอกาสเกิดการผสมกับไข่ ยาฝังคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดีมาก โอกาสการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 ใน 100 ของสตรีที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิดผลข้างเคียง ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด คือ อาจมีผลข้างเคียงจากยาได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ
* ประจำเดือนกะปริบกะปรอย พบมากที่สุด
* ไม่มีประจำเดือน หรือเกิดภาวะขาดประจำเดือน
* อาจมีน้ำหนักตัวขึ้น
* ปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด
* แผลที่ฝังยาเกิดการอักเสบ หรือมีรอยแผลเป็น
* อารมณ์แปรปรวน
* ปวด/เจ็บเต้านม
* มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก (ท้องนอกมดลูก) หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น
* อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ยาคุมแบบฝัง
ยาฝังคุมกำเนิด หรือยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวชนิดหนึ่ง โดยการฝังฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำเป็นแท่งเล็กๆเข้าไปที่ใต้ผิวหนังใต้ท้องแขนด้านที่ไม่ถนัด ซึ่งฮอร์โมนนี้จะค่อยๆซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกาย และไปทำการยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ของสตรี ส่งผลทำให้ไม่มีการตกไข่ตามมา จึงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ยาฝังคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่สะดวกสบาย มีใช้มานานนับ 10 ปี ในระยะแรกจะเป็นฮอร์โมนที่บรรจุในแท่งพลาสติกเล็กๆจำนวน 6 แท่ง ขนาดแท่งละ 3.4 x 0.24 เซนติเมตร(ซม) เช่น ยา Norplant? สามารถใช้ได้คุมกำเนิดได้ 5 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สะดวกขึ้นเหลือเพียงชนิดแบบ 1 แท่ง (Implanon?) ขนาดแท่งละ 4.0 x 0.20 ซม. คุมกำเนิดได้ 3 ปี และแบบ 2 แท่ง (Jadelle?) ขนาดแท่งละ 4.3 x 0.25 ซม. คุมกำเนิดได้ 5 ปียาฝังคุมกำเนิด จะประกอบด้วย ฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสติน (Progestin,ฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์)) เพียงชนิดเดียว จึงไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เหมือนในยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม ในยาฝังคุมกำเนิดที่ชื่อ Implanon? จะเป็นฮอร์โมน Etonogestrel 68 มก. (มิลลิกรัม) แล้วค่อยๆปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 70-60 ไมโครกรัม ส่วน Jadelle? จะเป็นฮอร์โมน Levonorgestrel 75 มก. ปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 100-40 ไมโครกรัม (ระดับฮอร์โมนจะสูงในช่วงแรก และค่อยๆลดลงจนคงที่ในระยะเวลาต่อมา)กลไกการป้องกันการคุมกำเนิด คือ ฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาจากแท่งยาฝัง จะไปมีผลทำให้ฟองไข่ไม่พัฒนา จึงไม่สามารถโตต่อไปจนตกไข่ได้ ทำให้ไม่มีไข่ที่จะรอผสมกับเชื้ออสุจิ จึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ฮอร์โมนนี้ยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้เชื้ออสุจิว่ายผ่านเข้าไปได้ยาก จึงช่วยลดโอกาสเกิดการผสมกับไข่ ยาฝังคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดีมาก โอกาสการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 ใน 100 ของสตรีที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิด
ผลข้างเคียง ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด คือ อาจมีผลข้างเคียงจากยาได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ
* ประจำเดือนกะปริบกะปรอย พบมากที่สุด
* ไม่มีประจำเดือน หรือเกิดภาวะขาดประจำเดือน
* อาจมีน้ำหนักตัวขึ้น
* ปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด
* แผลที่ฝังยาเกิดการอักเสบ หรือมีรอยแผลเป็น
* อารมณ์แปรปรวน
* ปวด/เจ็บเต้านม
* มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก (ท้องนอกมดลูก) หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น
* อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ความคิดเห็น
ยาคุมแบบฝังนั้นสามารถคุมกำเนิดได้เป็นเวลาหลายปี มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงมากอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะ มีผลข้างเคียงหลายประการ
ที่มา:http://haamor.com/th/
เว็บไซต์นี้ แสดงผลได้ดี บนความละเอียด 1024x768 Text Size Medium
วิชา การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจัดทำโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฌิม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
SITEMAP
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคืนสินค้า
กฎของร้าน