Ran khaa ya
   
 
เทคนิคเลิกขี้เกียจ
 

เรื่องเล่าจากพ่อ

          เมื่อก่อนตอนที่เป็นเด็กตัวน้อย.....ต้องคอยฟังนิทานก่อนนอนมักจะรบเร้าให้พ่อเล่านิทานให้ฟังเสมอ พ่อบอกว่าเรื่องนี้ ปู่เล่าให้พ่อฟังพ่อเลยเล่าให้ Summertime ฟัง
เรื่องนี้มีชื่อว่า คนขี้เกียจ กะ คนขยัน 
         กาลครั้งหนึ่งเมื่อบ่ายของเช้าวานนี้มีชายสองสหายเป็นเพื่อนรักกัน แต่ทั้งสองมีนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคนแรกมีนิสัย ช่างสังเกต อยากรู้อยากเห็น ขยันและอดทนส่วนคนที่สอง เกียจคร้าน ชอนนอน นอนได้ทั้งวัน วันๆนึงไม่ทำอะไรเอาแต่นอน
ทั้งสองกำพร้า เลยอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนรักกันมากคนขี้เกียจ ปล่อยให้เพื่อนหาเลี้ยงตัวเอง ไม่ช่วยเหลือเพื่อนแม้แต่น้อย จนมาวันนึง ทั้งสองจึงชวนกันไปแสวงหาโชค ในแดนไกล เดินทางกลางทะเลทราย ทันใดนั้น สองสหายก็เดินไปเจอกับ กระสอบข้าวสาร(ไม่รู้ใครทำหล่นไว้)ชายคนแรกจึงเข้าไปแบกเอากระสอบข้าวสาร โดยชวนให้เพื่อนช่วยแบกด้วยแรกๆชายขี้เกียจไม่ยอมแบก ชายคนแรกจึงว่า เรามาแสวงโชคกัน..ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนะ เอาไปเถอะ เผื่อจะได้ใช้ประทังชีวิตคนขี้เกียจ ไม่ว่ากระไร จึงเข้าไปแบกด้วย ตกลงได้ข้าวคนละกระสอบเดินทางไปสักพัก ไปเจอ กับ โซ่กองโต ชายคนที่สองถึงกับตาลุกวาว รีบทิ้งกระสอบข้าวสารทันที

          ชายคนแรกทักท้วงเพื่อน แต่เพื่อนกลับตอบว่าเฮ่ย เอ็งแบกไปเถอะกระสอบข้าวสารน่ะ หนักก็หนัก ข้าถือโซ่ไปบางส่วนจะดีกว่าเบากว่าอีก ชายคนแรกจึงไม่กล่าวอะไรอีกเดินทางไปได้สักพัก เขาทั้งสองได้พบกับทองคำแท่ง กองโตแต่ไม่เท่าโซ่ที่ชายขี้เกียจเอามาทั้งสองไม่รู้ว่าเป็นของมีค่าอะไร จากการที่ชายคนแรก เป็นคนชอบใฝ่หาความรู้ใส่ตัว จึงรู้ว่าต้องเป็นของมีค่าอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเท่านั้นเอง แน่นอนชายขี้เกียจย่อมไม่รู้ชายคนแรกพอเห็นเท่านั้นแหละเขาก็รีบทิ้งกระสอบข้าวสารทันทีตรงเข้าไปหอบเอาทองคำ ใส่ในถุงที่เขาเตรียมมา และบอกให้เพื่อนช่วยกันเก็บเอาทองคำ แต่เพื่อนของเขากลับเห็นว่าชายผู้นี้มีความโลเลเอาแน่นอนไม่ได้ ทนแบกข้าวสารมานาน ยังจะมาตะบะแตกกะอีแค่เจ้าก้อนสีเหลืองๆเขาจึงไม่ยอมทิ้งโซ่ที่เขาเอามา และไม่ยอมช่วยเพื่อนเก็บทองด้วยเฮ่ย เอ็งน่ะโง่ ข้าวสารตั้งกระสอบยังทิ้งได้ มาเก็บเอาเจ้าก้อนเหลืองๆไปทำไมไม่เห็นจะเยอะเท่าเจ้าสีเงินๆของข้าเลย
ชายคนแรกไม่รู้จะว่าเพื่อนอย่างไร จึงก้มหน้าก้มตาเก็บเอาทองไปทั้งสองเดินทางมานานจนกระทั่งเดินมาถึงตัวเมือง ชายคนแรกจึงนำทองไปขายได้เงินมามากมายชายคนที่สองนำโซ่ไปขายเช่นกัน แต่แทบจะไม่มีใครรับซื้อจนตาแป๊ะแก่ๆ คนนึงมาสะกิด ว่าจะแลกโซ่กับ ขนมแกหรือไม่ ชายคนที่สองจนปัญญา โทษตัวเอง ร้องไห้ฟูมฟาย ชายคนแรกสงสารเพื่อน จึงบอกเพื่อนว่า ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของล้ำค่าขนาดนี้ ส่วนเอ็งก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของไร้ค่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นกับดวงชะตาเรา แต่เราสองคนไม่ว่าใครจะโชคดีหรือร้ายเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน เราต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่เป็นไรข้าจะไม่ทิ้งเอ็งแน่นอนข้าจะแบ่งเงินให้เอ็ง แล้วให้เอ็งเอาไปลงทุนทำมาหากินนะ จากนั้นชายขี้เกียจก็กลายเป็นคนละคนเขาตั้งใจทำงาน เมื่อได้เงินมามากมาย 
เขาจึงนำเงินส่วนที่ได้จากเพื่อนเขา ไปคืน และแล้วมิตรภาพของคน2 คนก็สืบทอดมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน
พ่อบอกว่า หากเราเป็นคนขยัน เราก็จะต้องฉลาดด้วย ขยันแบบฉลาดๆ ไม่ใช่ทั้งขี้เกียจทั้งโง่ เพราะว่าสมัยนี้ มันไม่เหมือนกับสมัยของปู่ ฉะนั้นเราต้องศึกษาหาความรู้ให้มากๆ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะได้มีวิชา มีปํญญา แต่เราจะต้องไม่ลืมที่จะเอื้ออาทรแก่มิตรของเราเราไม่สามารถอยู่ในสังคมได้เพียงลำพัง

ที่มา http://atcloud.com/stories/71417

 
 
   
 
   
เว็บไซต์นี้ แสดงผลได้ดี บนความละเอียด 1024x768 Text Size Medium
วิชา การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจัดทำโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฌิม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
   
SITEMAP นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคืนสินค้า
กฎของร้าน