สรุปภาพรวมการคอร์รัปชั่นในประเทศไทย
 |
ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าปัญหาเรื่องการคอรัปชั่นเป็นปัญหาสําคัญลําดับต้น ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมากทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนคุณภาพ ชีวิตของประชาชนโดยตรง ปัญหาคอรัปชั่นเกิดขึ้นในสังคมไทยมาช้านานและมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และพบปัญหาดังกล่าวเกือบทุกภาคส่วน ถึงแม้รัฐบาลมีความพยายามป้องกันและแก้ไขมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่าในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาการคอรัปชั่นก็ไม่ได้ถูกแก้ไขได้เท่าใดนัก เนื่องจากการรายงานผลการจัดอันดับค่าดรรชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่น ประจําปี 2012 โดยองค์กรความโปร่งใสนานาชาติ พบว่าประเทศไทยได้37 คะแนน จากคะแนนเต็ม100 คะแนน ดีขึ้นกว่าปี2011 ซึ่งได้34 คะแนน แต่ยังคงต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยของโลก(43 คะแนน) และ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบค่าดรรชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่นของประเทศไทยในอดีตตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 (ค.ศ1998) จนถึงปี พ.ศ. 2554 พบว่า ค่าดรรชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่นยังอยู่ในระดับต่ำนั่นคืออยู่ที่ ระดับ32 จากคะแนนเต็ม100 คะแนน มาโดยตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 จนกระทั่งปี พ.ศ.2545 การคอรัปชั่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดที่สามารถสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเป็น ประเทศที่มีปัญหาคอรัปชั่นในระดับที่สูงและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และทําให้ เห็นถึงการดําเนินงานในการต่อต้านการคอรัปชั่นของประเทศไทยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนั้น ยังไม่ประสบความสําเร็จเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะได้มีความพยายามในการกําหนด และใช้มาตรการ ในการป้องกันและปราบปรามการคอรัปชั่นอยู่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ดังนั้น รัฐบาลควรจัดให้ ปัญหาการคอรัปชั่นนั้นเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันแก้ไข ปัญหาด้านการคอรัปชั่นเป็นปัญหาที่พบเกือบทุกประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้านที่จะเป็นผู้นําในภูมิภาคนี้ เมื่อพิจารณาดรรชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่นของประเทศต่างๆ เปรียบเทียบในกลุ่มประเทศอาเซียน10 ประเทศ พบว่าประเทศในภูมิภาคส่วนใหญ่มีคะแนนใกล้เคียงกับประเทศไทย ยกเว้นประเทศสิงคโปร์และบรูไนที่มีคะแนนและผลการจัดอันดับสูงที่สุดในภูมิภาค โดยสรุปประเทศไทยยังมีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นอยู่มาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทําให้สถาบันการเงินของไทยถูกลดความเชื่อถือในสายตาชาวโลก การทําธุรกรรมทางการเงิน ในระดับนานาชาติจะยากขึ้นเพราะไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศด้วย
จากการศึกษาครั้งนี้ ได้รวบรวมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาการคอรัปชั่น สําหรับประเทศไทย ดังนี้
1. ภาครัฐต้องมีมาตรการที่มุ่งกําจัดจุดอ่อนของระบบ และเสริมสร้างความเข้มแข็ง
และคุณธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น วิธีการคัดเลือกและการพัฒนาเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องประกาศให้ทราบทั่วกัน ดําเนินการอย่างโปร่งใส และคัดคนตามความสามารถ การปรับเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐให้สูงขึ้น เป็นวิธีเพิ่มแรงจูงใจให้คนเก่งเข้ามาสมัครและอยู่ในอาชีพนี้ได้อย่างพอเพียงโดยไม่ต้องคอรัปชั่น การเลื่อนตําแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ต้องมีวิธีประเมินผล และตรวจสอบอย่างเป็นกลาง และมีประสิทธิภาพ
 |
2. ต้องมีกฎหมายที่เอื้ออํานวย เช่น กําหนดให้ธนาคารพาณิชย์ ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะและรายได้ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกตั้งข้อสงสัย เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามคอรัปชั่นขอไป รวมทั้งมีการร่วมมือ ขอข้อมูลจากต่างประเทศได้ด้วย กรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐโยกย้าย
เงินไปต่างประเทศ การจะปราบปรามคอรัปชั่นให้ได้ผล จะต้องได้รับความร่วมมือจากฝ่ายตํารวจและอัยการด้วย ดังนั้นการมุ่งแก้ปัญหาคอรัปชั่นและปฏิรูประบบตํารวจและอัยการจึงเป็นเรื่องที่จําเป็นอันดับต้น
3. ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาสังคม องค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชน
นักวิชาการ สหภาพแรงงาน สมาคมวิชาชีพ ฯลฯ ให้เป็นหูเป็นตา เป็นกําลังในการช่วยตรวจสอบให้ ข้อมูลและสนับสนุนการทํางานของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการคอรัปชั่น รัฐบาลบางประเทศให้งบประมาณสนับสนุนองค์กรภาคประชาชนที่ทํางานด้านต่อต้านคอรัปชั่นเพื่อช่วยให้การปราบปรามได้ผลดียิ่งขึ้น
4. ภาครัฐต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ2 หน่วยงานหลัก ได้แก่
สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทําหน้าที่ดูแลปัญหาคอรัปชั่นในภาพใหญ่ระดับชาติ ตลอดจนความร่วมมือระหว่างประเทศและสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต พ.ศ.2551 ทําหน้าที่ดูแลคดีที่เกี่ยวพันกับการทุจริตหรือผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดขึ้นจากการกระทําของข้าราชการระดับผู้ปฏิบัติการ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติซึ่งเป็น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2550 เป็นหน่วยงานหลักในด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
5. รัฐบาลได้แถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อรัฐสภาโดยถือว่าการแก้ไข ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เป็นนโยบายหลักที่สาคัญของรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบกับ ได้จัดทํายุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551-2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นกลไกในการประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม การทุจริตของประเทศไทย จึงต้องดําเนินการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นอย่างเร่งด่วนตาม นโยบายที่ได้แถลงไว้
ที่มา :http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000029520
|