Ran khaa ya
     
 
การเสด็จประพาสต้นในรัชกาลที่ 5

ที่มา : เนื้อหามาจากแผ่นแผ่นโบรชัวร์ของทางวัดหัวดง
 

                พระพุทธเจ้าหลวง “ปิยมหาราช”


 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  เป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับชาติไทยอย่างล้นเหลือด้วยพระปรีชาสามารถอันยากยิ่งที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือนพระราชกรรียกิจในแผ่นดินสยามของพระองค์นั้นเป็นความทรงจำที่ไมมีวันจางไปจจากความนึกคิดของปวงชนชาวไทยพระองค์ทรงสอดส่องดูแลทุกข์สุขของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินด้วยความห่วงใยอยู่ตลอดเวลา
ตลอดชีวิตของพระองค์ซึ่งครองราชย์มานานถึง 42 ปีพระองค์ทรงสร้างสิ่งที่เจริญก้าวหน้าแก่ชาติบ้านเมืองให้รุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก “การเสด็จประพาสต้น” เป็นสิ่งที่ทำให้ทรงได้ทอดพระเนตรทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน การประพาสต้นเพื่อสอดส่องทุกข์สุขของราษฎรนี้มิได้มีหมายกำหนดการซึ่งบางคราวทรงปลอมแปลงพระองค์เป็นสามัญชนเข้าไปปะปนกับราฎร เพื่อจะได้ประจักษ์ในความเป็นไปเป้นอยู่ของราษฎรของพระองค์อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้พบความจริง และทรงนำไปแก้ไขเพื่อประโยชน์สุขแห่งราษฎร
                 การเสด็จประพาสต้น ในรัชกาลที่ 5
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชอัธยาศัยในการเสด็จประพาสตั้งแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเสด็จประพาสแทบทุกปี เสด็จไปตามหัวเมืองน้องใหญ่ในพระราชอาเขตบ้าง เสด็จไปถึงต่างประเทศบ้าง
ในการเด็จประพาสหัวเมืองใหญ่น้อยในเขตนั้นบางคราวก็เสด็จไปเพื่อทรงตรวจจัดการปกครอง จัดการรับเสด็จเป็นราชการ บางคราวก็เสด็จไปเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถ ไม่โปรดให้จัดการรับเสด็จเป็นทางการที่เรียกว่า “เสด็จประพาสต้น” คือไม่ต้องมีท้องตราสั่งหัวเมือง ให้จัดทำที่ประทับแรม ณ ที่ใดๆ สุดแต่พอพระราชหฤทัย ที่จะประทับที่ไหนก็ประทับที่นั่น บางทีก็ทรงเรือเล็กโดยสารรถไฟไป มิให้ใครรู้จักพระองค์
เหตุที่เรียกว่าการประพาสต้นนั้นเกิดแต่เมื่อเสด็จในคราวนี้ เวลาจะประพาสมิให้ใครรู้ว่าเสด็จไป ทรงเรือมาคเก๋ง 4 แจว ที่แม่น้ำอ้อมแขวงจังหวัดราชบุรี ลำ 1 โปรดให้เจ้าหมื่นเสมอใจราชเป็นผู้คุมเครื่องครัวไปในเรือนั้น เจ้าหมื่นเสมอใจราชชื่อ “อ้น” จึงทรงดำรัสเรือลำนั้นว่า “เรือตาอ้น” เรียกเร็วๆเสียงเป้น “เรือต้น” จึงเรียกการเสด็จประพาสโดยไมให้ผู่ใดทราบว่าเสด็จไปไหนเช่นนี้ว่า “ประพาสต้น” คำว่า “ ต้น”ยังมีให้ใช้อนุโลมต่อมา จนถึงเครื่องแต่งพระองค์ ในเวลาทรงเครื่องอย่างคนสามัญไปประพาสมิให้ผู้ใดเห็นแปลกประหลาดผิดกับคนสามัญดำรัสเรียกว่า “ทรงเครื่องตัน” ต่อมาโปรดให้ปลูกเรือนฝากระดานอย่างไทยเช่นพลเรือนอยู่กันเป็นสามัญขึ้นในพระราชวังดุสิต ก็พระราชทานนามเรือนนั้นว่า “เรือนตัน”
“พระพุทธเจ้าหลวง” รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้น “วัดหัวดงใต้”
ตามพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 5 ทรงบันทึกไว้คราวเสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชรผ่านเมืองนครสวรรค์ กล่าวถึงการเสด็จมาถึงบ้านเก้าเลี้ยวและบ้านหัวดง ดังนี้


   วันที่ 16 สิงหาคม ร.ศ.125(พ.ศ.2449)
  สองโมงเช้า ออกเรือมาถึง วัดบ้านเกาะ ลงเรือประพาสไปขึ้นวัดหมายจะถ่ายรูปกระบวน แต่เวลาอยู่ข้างกระชั้น คนคอยเฝ้ามากนัก ตั้งกล้องไม่ใคร่จะได้เกะกะไปหมด …. พากันลงเรือประพาสนั้นขึ้นมาจนถึงที่พักร้อนพากันขึ้นเรือเหลืองออกต่อไป ทำครัวมากลางทาง  พอสำเร็จถึงบ้านเก้าเลี้ยวแวะกินเข้ากินข้าวดุ๊ก ได้รับหน้าที่เป็นพระราชา แต่ทำท่าไม่สนิท เพราะแกกลัวอัปปลิชทักทายปราศรัยก็ต้องสอนกันมาก  ข้อที่เกิดความนั้นเห็นจะเป็นด้วยเมียตากำนันเป็นผู้รับฉันทานุมัติของพวกจีนแคะ เจ้าของไร่อ้อยหลายเถ้าแก่ด้วยกันมาเชิญเสด็จไปที่เรือนเขาทำไว้ถวายตกลงยอมไป  เรากลับเป็นพระราชาตามเดิมมีผู้คนมากมี
 พิณพาทย์ไทย พิณพาทย์จีน และม้าล่อเป็นอันมากอมีธูปเทียนมาเชิญให้ขึ้นบกได้ขึ้นไปบนเรือน ตั้งโต๊ะเครื่องบูชา มีโต๊ะเก้าอี้หุ้มแพร เตียงนอน มุ้งแพรอย่างจีนทั้งนั้น อุทิศถวายไว้ให้ที่สำหรับพักข้าหลวงไปมาต่อไป จีนเม่งกุ่ย เป็นหัวหน้า เมื่อได้อนุโมทนาเสร็จแล้ว  ลงเรือโมเตอร์แล่นต่อมาอีก มาเกยที่ตื้น 2-3 คราว เลยทรายเข้าอุดท่อน้ำ ต้องมาหยุดแก้อยู่ช้านานจนกระบวนมาถึง จึงต้องลงเรือเหลืองมาขึ้นที่บ้านท่าวัว ถ่ายรูปกระบวนเรือแล้วเดินต่อมาทางบก มาเจอพวกเดินบกด้วยกันหลายคน  เลยเป็นกองโตเดินแจกเสมาระมามีคนมาประชุมอยู่แน่นในลานวัดต้องไปยืนให้กราบตีนตามความต้องการเป็นอันมากแถบนั้นแตงไทยอร่อยกินทั้งวานและวันนี้


 
     
   
เว็บไซต์นี้ แสดงผลได้ดี บนความละเอียด 1024x768 Text Size Medium
วิชา การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจัดทำโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฌิม
อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์

   
SITEMAP นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคืนสินค้า
กฎของร้าน