Ran khaa ya
   
 
 

ส้มโอ

ส้มโอ
ส้มโอ ชื่อสามัญ Pomelo (Pomelo มาจากคำว่า Pampelmoose ในภาษาดัตซ์ ซึ่งแปลว่า “ส้มที่มีขนาดเท่าฟักทอง”)
ส้มโอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus maxima (Burm.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ส้ม (RUTACEAE)
ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศนั้นจะปลูกส้มโอมากในภาคตะวันตกและยังจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยเราอีกด้วย
สำหรับชาวจีนแล้วส้มโอถือว่าเป็นเครื่องสังเวยที่สำคัญอย่างมาก เพราะมีความเชื่อว่าหลังจากไหว้เสร็จ ถ้าผ่าผลส้มโอออกมาแล้วกลางลูกแห้ง ไม่มีน้ำจะสื่อความหมายของความโชคดี นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของชาวจีนที่เสียชีวิตในการกู้ชาติอีกด้วย
ส้มโอจัดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์หลากหลายและยังมีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรคต่าง ๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก และยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด โดยส่วนที่จะนำมาใช้ประโยชน์ก็มีหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นผล เปลือก ใบและเมล็ด ก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปลือกและผลซึ่งเป็นส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์มากที่สุด

ประโยชน์ของส้มโอ

คำอธิบาย: ส้มโอ
  • รับประทานส้มโอช่วยขับสารพิษในร่างกายได้ (ผล)
  • มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง (ผล)
  • ในตำราจีนเปลือกส้มโอใช้เป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติ ช่วยแก้อาการไอ ผสมในยาหอมกินแล้วทำให้สดชื่น (เปลือก)
  • ในตำราคาไทย เปลือกส้มโอจัดอยู่ในเปลือกส้มทั้ง 8 ประการ ซึ่งประกอบไปด้วย เปลือกส้มโอ เปลือกส้มเขียวหวาน เปลือกส้มจีน เปลือกส้มซ่า เปลือกส้มตรังกานู เปลือกมะนาว เปลือกมะกรูด เปลือกมะงั่น ซึ่งมีสรรพคุณแก้ลม(ระบบไหลเวียนโลหิต) แก้เสมหะ และใช้ปรุงเป็นยาหอม (เปลือก)
  • มีความเชื่อว่าสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานจะนำส้มโอมาทาหน้า เพราะเชื่อว่าจะช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดใส (ผล)
  • เชื่อว่าการรับประทานส้มโอจะช่วยทำให้ตาสดใสและเป็นประกาย(ผล)
  • ช่วยให้เจริญอาหาร เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่เบื่ออาหาร ปากไม่รู้รสอาหาร (ผล)
  • ส้มโอมีวิตามินซีสูง ตึงช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ผล)
  • ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการนำใบมากแล้วพอกบริเวณศีรษะ (ใบ)
  • ช่วยแก้อาการเมาสุรา (ผล)
  • เปลือกส้มโอเป็นส่วนประกอบของยาหอมสมุนไพร ซึ่งมีส่วนช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย ใจสั่น คลื่นไส้อาเจียน (เปลือก)
  • ช่วยแก้หวัด (ราก,เมล็ด)
  • ประโยชน์ของส้มโอช่วยแก้อาการไอ (เปลือก,ราก,เมล็ด)
  • ช่วยขับเสมหะ (ดอก,เปลือก)
  • สรรพคุณส้มโอแก้อาการไอมีเสมหะ ด้วยการใช้ผลสดนำเมล็ดออก แกะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แช่กับน้ำเหล่าไว้หนึ่งคืน เสร็จแล้วนำไปต้มให้เละแล้วผสมกับน้ำผึ้ง นำมากวนจนเข้ากันแล้วจิบกินบ่อย ๆ (ผล)
  • ช่วยแก้อาการแน่นหน้าอก (เปลือก)
  • ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง (ใบ)
  • ส้มโอ สรรพคุณช่วยแก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง ปวดท้องน้อย (เปลือก,ราก,เมล็ด)
  • ช่วยแก้อาการปวดท้อง ลำไส้เล็กหดตัวผิดปกติ (เมล็ด)
  • ช่วยขับลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร (ผล,ดอก,เปลือก)
  • ช่วยแก้อาการปวดในกระเพาะอาหาร (ดอก)
  • ช่วยแก้อาการปวดกระบังลม (ดอก)
  • ใช้เป็นยาแก้อาการปวดข้อ หรืออาการปวดบวม ด้วยการใช้ใบส้มโอนำมาตำแล้วเอาไปย่างไฟให้อุ่น แล้วนำมาพอกบริเวณที่ปวด (ใบ)
  • ช่วยแก้อาการคันตามผิวหนัง ด้วยการนำเปลือกมาต้มน้ำอาบ (เปลือก)
  • ช่วยรักษาโรคลมพิษที่ผิวหนัง ด้วยการใช้เปลือกประมาณ 1 ผลหั่นเป็นชิ้น ๆแล้วต้มกับน้ำอาบ หรือทาในบริเวณที่เป็นลมพิษ (เปลือก)
  • ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังอื่น ๆ ด้วยการใช้เปลือกมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาต้นกับน้ำจนมันงวด แล้วเอาน้ำที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง (เปลือก)
  • เปลือกใช้ตำแล้วนำมาพอกเพื่อรักษาฝี (เปลือก)
  • เปลือกมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อรา เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ และยังช่วยฆ่าแมลง ฆ่าเห็บวัว เป็นต้น
  • ช่วยแก้อาการไส้เลื่อน (เปลือก,เมล็ด,ราก)
  • เรานิยมรับประทานส้มโอเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้ หรือจะนำไปประกอบอาหารก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ยำ เมี่ยง ส้มตำ ข้าวยำ หรือของหวานเป็นต้น (ผล)
  • เปลือกนอกสีขาวนำไปแปรรูปทำเป็น ส้มโอสามรส ส้มโอแช่อิ่มได้ (เปลือก)
  • ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด

advertisements

คุณค่าทางโภชนาการของส้มโอต่อ 100 กรัม

คำอธิบาย: ประโยชน์ของส้มโอ
  • พลังงาน 38 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 9.62 กรัม
  • เส้นใย 1 กรัม
  • ไขมัน 0.04 กรัม
  • โปรตีน 0.76 กรัม
  • วิตามินบี1 0.034 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี2 0.027 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี3 0.22 มิลลิกรัม 1%
  • วิตามินบี6 0.036 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินซี 61 มิลลิกรัม 73%
  • ธาตุแคลเซียม 4 มิลลิกรัม 0%
  • ธาตุเหล็ก 0.11 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุแมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม 2
  • ธาตุแมงกานีส 0.017 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 17 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุโพแทสเซียม 216 มิลลิกรัม 5%
  • ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม 0%
  • ธาตุสังกะสี 0.08 มิลลิกรัม 1%

ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

วิธีการปอกส้มโอ

คำอธิบาย: ส้มโอสรรพคุณ

โดยปกติแล้ววิธีปอกส้มโอนั้นเรามักจะใช้มีดกรีดจากขั้วลงมา 6 ส่วน แล้วจึงลอกเปลือกออก วิธีนี้อาจจะทำให้เลอะมือได้หรือบางส่วนของเนื้อจะไปติดกับน้ำมันของเปลือกที่ติดอยู่กับมือ ทำให้มีกลิ่นเหม็นและเสียรสชาติได้ ดังนั้นมาดูวิธีปอกส้มโออย่างถูกต้องกันดีกว่า

  • ใช้มีดปอกส่วนของเปลือกที่เป็นสีเขียวออกให้หมดก่อน
  • ลอกเปลือกสีขาว ซึ่งจะลอกออกได้ง่ายและไม่มีกลิ่นน้ำมันที่ผิวเปลือกติดมาด้วย
  • เมื่อเหลือแต่เปลือกหุ้มกลีบ ให้ลอกเอาเปลือกหุ้มออกทีละกลีบ เป็นอันเสร็จก็จะได้เนื้อที่เป็นกลีบสวยงามและไม่เสียรสชาติ

แต่ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาต้องมานั่งปอกเปลือก ก็ทำแบบในคลิปด้านล่างเลยก็ได้ครับ
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์.com (ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด)

ที่มา :http://frynn.com/%e0%b8%aa%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b9%82%e0%b8%ad/

 
   
 
   
เว็บไซต์นี้ แสดงผลได้ดี บนความละเอียด 1024x768 Text Size Medium
วิชา การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อจัดทำโครงงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฌิม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
   
SITEMAP นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคืนสินค้า
กฎของร้าน