การปลูกมะลิ
ข้อดีของการปลูกมะลิคือ ปลูกครั้งเดียว สามารถเก็บดอกขายได้ตลอด ถ้าดูแลดีๆต้นมะลิจะให้ผลผลิตถึง 10 ปีเลยทีเดียว แถวยังสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นกอบเป็นกำเกินคาดเลยทีเดียว.... การปลูกมะลินั้นนิยมปลูกต้นฤดูฝน เริ่มจากไถเตรียมดินให้ร่วนซุย มีการระบายน้ำดี ขุดหลุ่มลึกกว้างและยาวด้านละ 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอก (หรือใบไม้แห้ง หรือปุ๋ยหมัก )ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟส (0-64-0) และปุ๋ยผสมสูตร 15-15-15 อย่างละ 1 กำมือคลุกเคล้าให้เข้ากันใส่ลงในหลุม ทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน จึงนำต้นมะลิลงมาปลูกแล้วรดน้ำ ควรปลูกให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ พันธ์ที่ใช้ปลูกควรเป็นพันธุ์ราษฏร์ณะเพราะเป็นพันธุ์ที่ให้ดอกดกและเสม่ำเสมอเกือบตอลดปี การให้น้ำ รดน้ำตอนเช้าวันละ 1 - 2 ครั้งหรืออาทิตย์ละครั้งขึ้นอยู่กับสภาพของดินระวังอย่าให้น้ำท่วมหรือขังอยู่ใน แปลงนาน ๆ เพราะจะทำให้ต้นมะลิตายได้ การใส่ปุ๋ย ให้ใช้สูตรเสมอ เช่น 15 - 15 - 15 เดือนละครั้ง อัตราไร่ละ 150 กิโลกรัม/ปี โดยการหว่านและรดน้ำตาม การกำจัดวัชพืช ใช้สารเคมีฉีดตามร่องปลูกทุกเดือน โดยไม่ให้โดนต้นมะลิ การกำจัดหนอนและแมลง โดยการฉีดพ่นยาเคมีอะโซดริน และใช้กับดักแสงไฟนิยมใช้หลอดไฟนีออน หรือหลอดไฟแสงสีฟ้า โดยการติดตั้งเหนือต้นมะลิประมาณ 50 เซนติเมตร การเก็บเกี่ยวมะลินั้น ต้องเก็บขณะดอกตูม เจริญเต็มที่ มีสีขาวนวล ซึ่งอายุประมาณ 4-5 เดือน โดยใช้มือเด็ดตรงก้านดอกใต้กลีบเลี้ยง ควรเก็บตอนเช้าตรู่เพื่อนำส่งตลาดทันที่ โดยราคามะลิจะอยู่ที่ 150-300 บาท ต่อกิโลกรัม และราคาจะสูงช่วงฤดูหนาว โดยราคาจะดีดขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 800-1000 บาทเลยทีเดียว และราคาจะต่ำในช่วงหน้าร้อน โดยราคาจะลดลงมาอยู่ที่ราคา 30-50 บาท ต่อกิโลกรัม โดยมะลินั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดปี จะออกดอกเรื่อยๆ ....ออกดอกเยอะในฤดูร้อน และออกดอกน้อยลงในฤดูหนาว.. ข้อแนะนำ -ควรตัดแต่งต้นมะลิให้ทรงพุ่มโปร่ง ตัดแต่งกิ่งที่แห้งและตายออก ทำให้มะลิมีอายุยืนยาวขึ้น ให้ดอกดกมากขึ้น โรคและแมลงลดน้อยลง -ในฤดูหนาวมะลิออกดอกน้อย จึงควรตัดแต่งกิ่ง ให้ปู๋ยและน้ำ และพ่นสารไทโอยูเรีย 10 % เพื่อเร่งการออกดอก -การลดต้นทุนการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดแมลง โดยใช้ตาข่ายคลุมแปลงมะลิเฉพาะช่วงกลางคืน เพื่อป้องกันการวางไข่ของหนอนผีเสื้อ -ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการปลูกมะลิได้ที่ กองส่งเสริมพืชสวน กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 561-4879 หรือสำนักงานเกษตรทุกจังหวัด
ที่มา : นักเรียนในหนองเต่า